ถ้าใครได้ติดตามข่าวด้านเทคโนโลยี หรือเศรษฐกิจโลกจะเห็นพัฒนาการทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัปสายฮาร์ดแวร์ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีของตัวเอง และมีเป้าหมายชัดเจนในการเข้าตลาดหุ้น ลองไปดูกันว่าในอนาคตเราจะได้ซื้อหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีอะไรกันบ้าง
หุ้นบริษัทผลิตหุ่นยนต์...ทำเป็นเล่นไป เผลอๆ หุ่นยนต์อาจจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์เร็วกว่าที่คาดก็เป็นได้ ไม่เพียงแค่หุ่นยนต์ที่ทำงานตามคำสั่งในโรงงาน แต่ยังพัฒนาไปถึงขั้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์เป็นของตัวเองด้วย มั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะได้เห็นบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์อย่างจริงจังเกิดขึ้นแน่นอน
หุ้นบริษัทผลิตยานอวกาศ...ปัจจุบันใช่ว่าจะไม่มีบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องต่อการผลิตยานอวกาศ แต่มีอยู่แล้วจริงๆ แถมปู่วอเรน บัฟเฟตต์ ยังเข้าไปลงทุนอีกต่างหาก ไม่นับบริษัทเวอร์จิ้น ที่ทำธุรกิจพาคนไปบินเที่ยวบนชั้นบรรยากาศแล้ว แม้อาจจะดูเพ้อฝัน แต่เชื่อเถอะว่าอนาคตคนทั่วไปก็จะมีโอกาสได้ขึ้นยานอวกาศแน่นอน
หุ้นบริษัทด้านการแพทย์ ยา และเคมีภัณฑ์...นอกจากด้านฮาร์ดแวร์ เทคโนโลยีทางการแพทย์ของโลกก็พัฒนาไปไกลแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ และความงาม ยิ่งปัจจุบันมีโรคระบาดใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทที่พัฒนาทางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์จะมีโอกาสเติบโตแน่นอน
หุ้นบริษัท FinTech ผู้ให้บริการเงินดิจิตอล...เร็วๆ นี้ ธนาคารกลางจีนได้ออกมาประกาศแล้วว่ากำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองขึ้นมาเพื่อใช้ชำระสินค้าทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ขณะที่มูลค่าของเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสตาร์ทอัปสายการเงินก็กำลังเข้ามาแทนที่ธนาคารรูปแบบเดิมมากขึ้น พวกนี้ถ้าไม่ถูกซื้อกิจการไปก่อนก็คงได้เข้าตลาดหุ้นแน่นอน
บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนด้วยโปรแกรมเทรด...เรื่องของโปรแกรมเทรด โรบอท อัลกอรึธึ่ม ต่างๆ อาจจะไม่ใช่ของใหม่แต่มีแนวโน้มที่เติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญคือ ไม่นานมานี้ สถาบันการเงินอย่างโนมูระยังใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอะไรออกมา เป็นไปได้ว่าอนาคตบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน หรือโบรกเกอร์อาจจะไม่มีมนุษย์ทำงานเลยก็เป็นได้
บริษัทผลิตรถยนต์ไร้คนขับ และรถยนต์พลังงานทางเลือก...ตอนนี้เราเริ่มเห็นแล้วว่าบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Google และ Baidu (คล้ายๆ Google แต่เป็นของจีน) กำลังเร่งพัฒนารถยนต์ที่ไร้คนขับอย่างแข็งขัน แต่ในอนาคตบริษัททั่วๆ ไปก็จะสามารถพัฒนารถยนต์ไม่มีคนขับได้เองเช่นกัน รวมถึงรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกอย่างเช่น ไฟฟ้าก็จะมีราคาถูกลงเรื่อยๆ อย่าง Tesla ซึ่งเป็นสตาร์ทอัปที่เติบโตจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็เตรียมจะเข้ามาเปิดตลาดในไทยแล้ว
บริษัทผู้ผลิตพลังงานทดแทน...อาจฟังดูไม่ใช่ของใหม่ เพราะตลาดหุ้นไทยตอนนี้ก็มีหุ้นกลุ่มนี้เยอะอยู่แล้ว ทั้งที่ดำเนินธุรกิจนี้โดยตรง และทางอ้อม แต่อนาคตไกลกว่านั้นอาจเป็นไปได้ว่าน้ำมันอาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และจะเกิดบริษัทพลังงานทางเลือกอื่นเกิดขึ้นอีกมาก อย่างในสหรัฐฯ ก็มีบริษัทที่ขุดพลังงาน Shale Oil เกิดขึ้นจำนวนมาก ต่อไปอาจจะมีผู้พัฒนาพลังงานไฮโดรเจนก็เป็นได้
ภาพรวมแล้ว ธุรกิจประเภท New Frontier ที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมน่าจะมีบทบาทมากขึ้น ใครที่ยังยึดติดกับธุรกิจรูปแบบเดิมๆ ระวังพลาดโอกาสสำคัญนะครับ
ปล. บทความนี้เป็นความคิดเห็นของทีมงานที่ได้มาจากการรวบรวมข่าวด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ด้วย
SuperTrader Team
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง