เรื่องของสงครามค่าเงิน (Currency War) ตอนนี้เหมือนเป็นเวทีของคู่ชกระหว่างรุ่น Heavy Weight ระหว่างสหรัฐฯ เจ้าของเงินสกุลดอลาร์ที่พยายามจะสกัดดาวรุ่งอย่างเงินหยวนของจีน แม้หน้าฉากของตลาดหุ้นจีนที่ถูกถล่มขายเมื่อต้นปีจะยกเรื่องของเศรษฐกิจขึ้นมาอ้าง แต่หลังฉากอาจจะเป็นเกมที่สหรัฐฯ เปิดฉากถล่มเงินหยวนก็เป็นได้ อันนี้คงเป็นทฤษฎีสมคบคิด หรือเรื่องจริงก็ไม่มีใครรู้
อาจจะลืมกันไปแล้วว่า จีนเป็นผู้ถือพันธบัตรในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐรายใหญ่ที่สุด ถ้าหากเงินหยวนเทียบกับดอลลาร์อ่อนค่าลง คงเป็นเรื่องดีของลูกหนี้มากกว่าที่มูลหนี้จะลดลง ไม่นับอิทธิพลในโลกการเงินที่ดอลลาร์จะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง
แต่ใช่ว่าจีนจะยอมให้ค่าเงินตัวเองถูกถล่มข้างเดียว แต่ได้ซุ่มเตรียมแผนสำรองในอนาคตไว้แล้วตั้งแต่ปี 2014 โดยธนาคารกลางของจีน ได้ออกมาเปิดเผยไม่นานมานี้ว่า ได้พัฒนาเงินสกุลดิจิตอลเพื่อที่จะนำมาใช้จริงในอนาคตในการแลกเปลี่ยนเงินตรา และสินค้าระหว่างประเทศ โดยได้รับคำปรึกษาจากซิตี้กรุ๊ป และดีลอยทช์ ถึงตอนนี้ยังไม่ออกมาระบุว่าจะมีความเชื่อมโยงกับสกุลเงินหยวนอย่างไร
ถ้าหากจีนสามารถพัฒนาเงินสกุลดิจิตอลของตัวเองออกมาได้ โดยที่รัฐบาลหนุนหลังอยู่ด้วย นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดการเงินโลกเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยจำนวนผู้ใช้จำนวนหลักพันล้านคนภายในประเทศ ในอนาคตถ้าหากเงินดิจิตอลมีบทบาทต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น เงินสกุลดิจิตอลสัญชาติจีนอาจจะขึ้นมาเป็นเงินสกุลหลักของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ต้องมาดูกันต่อว่าทางฝั่งตะวันตกจะแก้เกมตรงนี้อย่างไร
ขณะที่คู่แข่งสำคัญซึ่งเป็นเจ้าตลาดเงินสกุลดิจิตอลของโลกอย่าง Bitcoin ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมา สกุลเงินดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 36% ล่าสุด มีมูลค่าเท่ากับ 413 ดอลลาร์อ้างอิงจากตลาดฮ่องกง โดยในปี 2011 ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ขึ้นมาใช้เป็นศูนย์กลางในการนำเงิน Bitcoin เพื่อชำระสินค้าบริการ และเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างจริงจัง โดยตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq จะเป็นแห่งแรกที่จะใช้ Blockchain แทนที่เงินแบบเดิมอย่างจริงจัง ส่วนประเทศฟิลิปปินส์เองก็มีแผนที่จะรองรับเงินสกุลดิจิตอลด้วยเช่นกัน
เทรดเดอร์ผู้ลงทุนใน Bitcoin ให้ความเห็นว่า การเติบโตของเงินดิจิตอลมีปัจจัยสำคัญอยู่ที่การกำกับดูแลของภาครัฐว่าจะเข้ามาควบคุมมากน้อยเพียงใด เพราะนโยบายในการเปิดเสรีด้านการเงินของแต่ละประเทศมีไม่เท่ากัน ส่วนความเห็นของ Wang Chun เจ้าของเหมือง Bitcoin ใหญ่อันดับ 2 ของโลก F2Pool ที่ตั้งอยู่ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ยังไม่สามารถเดาใจธนาคารกลางจีนได้ว่าจะมีนโยบายต่อ Bitcoin ในขณะที่กำลังปั้นเงินสกุลดิจิตอลของตัวเอง อาจจะเป็นไปได้ทั้งเปิดทางให้มีการแข่งขันกันกันอย่างเสรี หรือสกัดไม่ให้เงินกิจิตอลอื่นได้เกิด
เกมนี้ผมมองว่า จีนกำลังพยายามสร้างบทบาทด้านการเงินของตัวเองขึ้นในอีกโลกหนึ่ง เพราะตลาดการเงินเดิม แม้จะพยายามแข่งกับเงินสกุลดอลลาร์แต่ด้วยความเก๋าในการครองตลาดมานานจึงยากที่จะตีโต้ได้ แต่ถ้าชิงเป็นผู้นำในสนามใหม่ก่อน ไม่แน่ว่าจีนอาจจะครองความเป็นหนึ่งในสนามเงินดิจิตอลก็เป็นได้
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง