“ทิสโก้” ยังมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน แม้แนวโน้มจีดีพีจะเติบโตต่ำ เชื่อรัฐบาลจีนต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้น พร้อมประเมินผลกระทบเงินหยวนอ่อนค่าจะเบาลง ชี้ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน on/offshore สามารถชี้วัดให้เห็นถึงมุมมองของตลาดต่อทิศทางของค่าเงินหยวนในอนาคตได้ ขณะที่ “รวงข้าว” คาดปีนี้หุ้นไทยผันผวนหนัก ประเมินดัชนีฯ สิ้นปีอยู่ที่ระดับ 1,400-1,450 จุด
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ ทิสโก้ (TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 4 ของจีนของปีที่ผ่านมา ขยายตัวได้ 6.8% ถือว่าต่ำกว่าคาดเล็กน้อย และประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ยังส่งสัญญาณชะลอตัวในเดือนธันวาคม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลจีนเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอตัวลงมากกว่านี้
“เรามองว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนเมื่อไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ซึ่งขยายตัวได้เพียง 6.8% ถือว่าต่ำว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น ผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก (Retail Sales) รวมไปถึงการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรไม่รวมพื้นที่ชนบท (Fixed Asset Investment excluding rural area) ที่ยังชะลอตัว ยังน่าจะทำให้รัฐบาลจีนต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้”
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของค่าเงินหยวนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่กดดันตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกให้ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ต้นปี น่าจะเริ่มผ่อนคลายลง หลังทางการจีนเข้าแทรกแซงค่าเงินหยวนในตลาดฮ่องกงให้แข็งค่ากลับมาอยู่ในระดับเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศ ทำให้ความกังวลในตลาดการเงินต่อการอ่อนค่าของเงินหยวนผ่อนคลายลง เราเชื่อว่า ตลาดหุ้นจีนจะเริ่มฟื้นตัวได้หากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนไม่กลับมาถ่างกว้างขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ ส่วนต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวน on/offshore ถ่างกว้างขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 2.5% เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ก่อนจะเริ่มหดแคบลงในสัปดาห์ที่แล้ว และกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันในปัจจุบัน เท่ากับส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน on/offshore ซึ่งถ่างกว้างมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว หลังจากที่ธนาคารกลางจีน (PBoC) ประกาศลดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนลง 1.9%
“ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน on/offshore สามารถชี้วัดให้เห็นถึงมุมมองของตลาดต่อทิศทางของค่าเงินหยวนในอนาคตได้ หากค่าเงินหยวน offshore อ่อนค่ากว่าในตลาด onshore มาก ก็มีแนวโน้มว่าเงินหยวนน่าจะมีทิศทางอ่อนค่าต่อซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตลาด แต่หากอัตราแลกเปลี่ยนในทั้ง 2 ตลาดเริ่มกลับมาใกล้เคียงกันก็น่าจะชี้ว่าค่าเงินหยวนเริ่มกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความกังวลการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนเริ่มผ่อนคลายลง”
ด้าน นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปีนี้ผันผวนสูงมาก เห็นได้จากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลดลงจากปัจจัยกระทบจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งประเมินดัชนีสิ้นปีจะอยู่ประมาณ 1,400-1,450 จุด
โดยปัจจัยต่างประเทศมีอิทธิพลสูง ทั้งภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่อาจจะเติบโตช้าลง ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่จีน ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้คงเติบโตไม่ถึง 7% และอยู่ระหว่างการหาสมดุลในประเทศ ส่วนยุโรป ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าจะออกมาตราการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) เพิ่มเติม
ส่วนญี่ปุ่น ยังต้องเฝ้าระวังการเติบโตของเศรษฐกิจว่าจะต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดกระทบมายังเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านการส่งออกจะขยายตัว 2.0-3.5% ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือ ต้องกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งหากทำได้ดีความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะกลับมาสู่ทั้งเศรษฐกิจไทย และตลาดทุนไทย