เร็วๆ นี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานตัวเลขมูลค่าหุ้นเบิร์กไชร์ ฮาธะเวย์ ของวอเรน บัฟเฟตต์ ที่แสดงแนวโน้ม “ขาลง” มาตลอดทั้งปี 2015 โดย Price To Book Ratio ของหุ้นเบิร์กไชร์ ต้นปีที่แล้วอยู่ที่ 1.60 เท่า ล่าสุด อยู่ที่ 1.30 เท่า ลงมาใกล้เคียงกับระดับที่บัตเฟตต์ ตัดสินใจซื้อหุ้นตัวเองคืนในไตรมาสแรกของปี 2013 ที่ระดับ 1.20 เท่า
จดหมายที่ส่งถึงผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว ปู่บัฟเฟตต์ ยังบอกด้วยว่า หากมูลค่าหุ้น (ปู่ใช้คำว่า Intrinsic Business Value) ลงมาต่ำมากๆ เขาก็พร้อมที่จะทำการซื้อหุ้นคืนอีกครั้งแน่นอน
มาดูกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ฉุดมูลค่าหุ้นของบัฟเฟตต์ ให้ลงมาได้ขนาดนี้ หุ้นขนาดใหญ่ 3 ตัวที่เบิร์กไชร์ลงทุนอยู่นั่นคือ วอลมาร์ท อเมริกันเอ็กซ์เพรส และไอบีเอ็ม ในปีที่แล้วต่างทำผลงานได้ต่ำกว่าผลตอบแทนของดัชนี S&P500 โดยผลประกอบการ 3 ไตรมาสของปีที่แล้วยังทำได้เพียงแค่เสมอตัวเท่านั้น นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มูลค่าหุ้นเบิร์กไชร์เป็นขาลงในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ S&P ยังเตรียมที่จะพิจารณาหั่นเครดิตเรตติ้งหุ้นเบิร์กไชร์ฯ อยู่ โดยกำลังวิเคราะห์ว่าดีลการซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานอวกาศ (ในข่าวใช้คำว่า aerospace-equipment maker) Precision Castparts Corp โดยบัฟเฟตต์ ได้ออกมาบอกว่า อาจจะต้องขายหุ้นบางตัวที่ถืออยู่ออกไปเพื่อนำไช้ชำระเงินค่าดีลดังกล่าวมูลค่า 32,000 ล้านเหรียญ
ถ้าวิเคราะห์หุ้นทั้ง 3 ตัวที่เบิร์กไชร์ถืออยู่ และคนที่อ่านบทความของผมมาก่อนหน้านี้จะมองออกว่า วอเรน บัฟเฟตต์ ดูจะแพ้ทาง “เทคโนโลยี” อยู่พอสมควรเลย แม้ปู่จะประเดิมลงทุนหุ้นเทคโนโลยีตัวแรกไปแล้วนั่นคือ ไอบีเอ็ม ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของปู่จะรู้ดีว่าแกไม่ชอบลงทุนหุ้นเทคโนโลยี เพราะคิดว่าไม่สามารถตามการเปลี่ยนแปลงได้ทัน แต่มายุคนี้ปู่คงเริ่มเข้าใจเทคโนโลยีมากขึ้นเลยเข้าซื้อหุ้นผลิตชิ้นส่วนยานอวกาศซะเลย
ส่วนหุ้นวอลมาร์ท จากเดิมที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีก 2-3 ปีมานี้กิจการแย่ลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับห้างโลตัส ซึ่งปู่บัฟเฟตต์ เองก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในความผิดพลาดที่สำคัญของเขา สาเหตุที่กิจการค้าปลีกแย่ลง แน่นอนว่ามาจากเทคโนโลยีนั่นเอง เช่น กระแสอีคอมเมิร์ซ เห็นได้ว่า วอลมาร์ทก็พยายามพัฒนาเทคโนโลยีโดรนอยู่เพื่อนำมาใช้ส่งสินค้า
ส่วนหุ้นอเมริกันเอ็กซ์เพรส อย่างที่ผมเคยเขียนไปแล้วว่า ธุรกิจการเงินกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก Fin Tech ที่เป็นกลุ่มสตาร์ทอัป กำลังจะเข้ามาแทนที่ธุรกิจการเงินแบบดั้งเดิม ส่วนไอบีเอ็ม ที่แม้จะปรับโมเดลธุรกิจมาเน้นด้านซอฟต์แวร์มากขึ้น จากเดิมที่เน้นด้านฮาร์ดแวร์ แต่การเกิดขึ้นของ Tech Startup หน้าใหม่ เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของยักษ์สีฟ้ารายนี้อย่างมาก
เห็นได้ว่าวิธีลงทุนปู่บัฟเฟตต์ ดูจะลำบากจากการมาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาคุกคามธุรกิจดั้งเดิมไปมาก (ธุรกิจหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของแกก็โดนสื่ออนไลน์มาคุกคาม) น่าจับตาครับว่าปู่บัฟเฟตต์ จะปรับแนวทางการลงทุนของตัวเองรับการการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้หรือไม่
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th SuperTrader
รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง