แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะเป็นขาลงมากว่า 3 ปี แต่ยังมีหุ้นตัวหนึ่งที่ยังคงสภาพของการเป็น “ขาขึ้น” มาได้อย่างต่อเนื่องนั่นคือ หุ้นการท่าอากาศยานไทย (AOT) ณ เวลานี้ หากใครที่ถือหุ้นตัวนี้มาตั้งแต่ราคา 30-35 บาท น่าจะสร้างผลตอบแทนได้แล้วกว่า 1,000% หรือ 10 เด้ง เพราะไม่นานมานี้หุ้น AOT ได้แตะระดับราคา 400 บาทไปแล้ว
นักลงทุนอาจจะติดใจว่าหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายๆ เด้งแบบนี้ต้องเป็นหุ้นขนาดเล็กเท่านั้น แต่ในอดีตอาจจะมีหุ้นขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์มาแล้ว เช่นหุ้น PTT ที่มีราคาไอพีโอ 35 บาท และเคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ราคา 350 บาท หรือหุ้น BANPU ที่เคยทำราคาไปเกือบถึง 900 บาท มาแล้ว หรือหุ้นไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ก็เคยทำผลตอบแทนได้ 8-9 เด้ง ก่อนจะ Delist ออกจากตลาดไป
มาถึงตอนนี้ นักลงทุนที่ถือหุ้น AOT หรือติดตามหุ้นตัวนี้มา จะมีคำถามว่าราคามันจะขึ้นไปถึงจุดไหน? จะบินไปถึงอวกาศเลยไหม? เรามาดูกราฟทางเทคนิค หากใช้ภาพระยะ Day จะเห็นว่าช่วง 5 ปีหลังมานี่หุ้น AOT เกาะเส้นแนวโน้มขาขึ้นมาโดยตลอด อาจจะมี Default หลุดภาพขาขึ้นบ้างในบางช่วง เช่น ช่วงที่ตลาดกำลังแพนิค หรือมีข่าวที่มากระทบ เช่น โรคระบาด ปัญหาการเมือง ก่อการร้าย แต่ก็จะดีดตัวกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีกครั้งในเวลาไม่นาน
ส่วนในแง่ตัวเลขพื้นฐาน ค่า P/E ปัจจุบันที่ 25 เท่า ถือว่ายังไม่ใช่ตัวเลขที่สูงจนเกินไป แต่ความเสี่ยงคือค่อนข้างขึ้นมาสูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นสนามบินตัวอื่นในภูมิภาคเหมือนกัน อาจเป็นเหตุผลที่นักลงทุนสถาบันจะขายออกมาได้ หนี้สินต่อทุนก็ยังไม่ถึง 1 เท่า ROE อยู่ที่ประมาณ 12% ก็ถือว่าพอได้อยู่ ที่น่าสนใจคือ หุ้น AOT ไมเคยสร้างปัญหาให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วยการเพิ่มทุนเลย
มาดูจุดแข็งของหุ้น AOT นั่นคือ การเป็นธุรกิจผูกขาด เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นเจ้าของสนามบินทั่วประเทศแต่เพียงผู้เดียว รายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินของผู้โดยสาร รวมถึงสายการบินต่างๆ ส่วนรายได้อื่นๆ มาจากการขายอาหาร สัมปทานร้านค้าดิวตี้ฟรี เห็นแบบนี้แล้วชัดเจนว่าโครงสร้างธุรกิจของสนามบินแทบไม่มีความซับซ้อนเลย และมีความมั่นคงสูง
ปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้น AOT มาได้ไกลขนาดนี้คงต้องยกให้จำนวนผู้โดยสารเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (ชนิดที่เราต้องรีบไปเช็กอินช่วงหน้าหลายชั่วโมงทีเดียว) สายการบินที่เข้ามาเปิดใหม่ในประเทศอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ทำให้รายได้เติบโตขึ้นต่อเนื่อง ถ้าหากมีการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะยิ่งเพิ่มช่องทางรายได้ให้แก่ AOT ขึ้นไปอีก
ความแตกต่างของหุ้น AOT กับขาขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ คือ กำไรสุทธิที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่เหมือนกันอย่าง PTT, BANPU เป็นหุ้นกลุ่มคอมมอดิตีซึ่งขึ้นลงตามวัฏจักรของราคาพลังงาน ขณะที่หุ้นธนาคาร สื่อสาร ค้าปลีก อื่นๆ ก็เป็นอุตสาหกรรมที่มีคู่แข่งจำนวนมาก ส่วนหุ้นที่แข็งแกร่งอย่าง SCC แม้จะครองผู้นำตลาดในประเทศแต่ก็ยังมีคู่แข่งในธุรกิจ และสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอเป็นปัจจัยลบ
สรุปคือ โมเดลธุรกิจที่ไม่ซับซ้อน ไม่เคลื่อนไหวผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และความเป็นผู้ผูกขาดธุรกิจ จะทำให้ AOT ยังเติบโตเป็นขาขึ้นได้อย่างปลอดภัยกว่าหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ ในอดีตที่มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดเฉลี่ย 2 ถึง 3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ หากสมมติฐานที่ผมตั้งไว้กับหุ้น AOT เปลี่ยนไปก็ต้องพิจารณากันอีกทีครับ และอย่าลืมว่าหุ้นขนาดใหญ่ต้องดูที่ปัจจัยพื้นฐานนะครับไม่ใช่กราฟเทคนิค
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง