xs
xsm
sm
md
lg

ความแตกต่างระหว่างหุ้นพื้นฐาน-หุ้นเก็งกำไร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หุ้นที่เทรดอยู่ในตลาดหุ้นจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทเท่านั้นคือ หุ้นที่เติบโตด้วยปัจจัยพื้นฐาน และเติบโตด้วยการเก็งกำไร เราไปดูกันว่าหุ้น 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

หนึ่ง...หุ้นพื้นฐานมีการเติบโตที่สม่ำเสมอ หากติดตามผลประกอบการย้อนหลังของหุ้นที่มีพื้นฐานดีจะพบว่าตัวเลขกำไรสุทธิมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ เช่น โตเลข 2 หลักหลายปีติดต่อกัน เนื่องจากมีโครงสร้างธุรกิจที่มั่นคง และเป็นผู้นำในตลาด ขณะที่การเติบโตครั้งสำคัญของหุ้นเก็งกำไรแต่ละตัวอาจจะเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้น จะเข้าสู่ภาวะทรงตัว เช่น มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในธุรกิจ มีการควบรวมกิจการ การเทกโอเวอร์ ฯลฯ ถ้าหากเข้าไปลงทุนในช่วงแรกๆ ของการเติบโตครั้งใหญ่จะสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี

สอง..หุ้นเก็งกำไรมีวอลลุ่มซื้อขายที่ไม่สม่ำเสมอ ถ้าหากไม่มีสตอรี่ทางธุรกิจ หรือตัวเลขผลประกอบการที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดจะไม่ให้ความสนใจมากนัก จะให้ความสนใจเฉพาะตอนที่ราคาหุ้นถูกเก็งกำไรขึ้นมาแล้ว ตรงข้ามกับหุ้นพื้นฐานดี หรือหุ้นขนาดใหญ่จะมีปริมาณซื้อขายที่สม่ำเสมอเนื่องจากผลประกอบการที่โตแบบสม่ำเสมอ และธุรกิจที่อยู่ตัวแล้วนั่นเอง

สิ่งที่ต้องระวังคือ หากเข้าไปเก็งกำไรในหุ้นที่วอลลุ่มซื้อขายไม่สม่ำเสมอ หากการเก็งกำไรจบลงอาจจะเจอปัญหาขาดสภาพคล่องก็เป็นได้

สาม..หุ้นพื้นฐานอาจอ่อนไหวตามภาวะตลาด หุ้นพื้นฐานส่วนใหญ่มักเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ซึ่งกลุ่มนักลงทุนที่เข้าไปซื้อมักจะเป็นนักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงพอร์ตลงทุนตามสภาวะเศรษฐกิจ และสภาวะตลาดในภาพรวม ซึ่งบางครั้งอาจจะขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งที่พื้นฐานธุรกิจยังดีอยู่ เช่น หากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง นักลงทุนสถาบันจะขายหุ้นที่ยังมีกำไรอยู่เพื่อที่จะไปชดเชยพอร์ตที่ขาดทุน

อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนขายหุ้นที่พื้นฐานดีออกไป ส่วนมากจะปรับตัวลดลงน้อยกว่าภาพรวมของตลาดเนื่องจากมีผลประกอบการที่เติบโตค้ำยันอยู่ และจะเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนได้หากราคาหุ้นตกลงมา

สี่..หุ้นเก็งกำไรมักมีการใช้เครื่องมือทางการเงิน หุ้นที่มีพื้นฐานดีมักจะมีโครงสร้างทางการเงินที่ดีด้วย ทำให้ไม่ต้องรบกวนผู้ถือหุ้นด้วยการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างเช่น การเพิ่มทุนบ่อยครั้ง ขณะที่หุ้นเก็งกำไรหากจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนครั้งใหญ่ซึ่งฐานทุนอาจไม่เพียงพอ บางครั้งจึงต้องมีการเพิ่มทุน และอาจนำเครื่องมือทางการเงินเช่นการแจกวอร์แรนต์มาใช้ในการเก็งกำไร

ห้า..หุ้นพื้นฐานมักไม่ประสบภาวะบกพร่องของตลาด ข้อบกพร่องในตลาดที่มักเกิดขึ้น เช่น พีอีสูง หรือต่ำมากเกินไป ราคาต่ำกว่า P/BV มักไม่เกิดขึ้นกับหุ้นพื้นฐานดี เนื่องจากส่วนมากเป็นหุ้นที่คนส่วนใหญ่รู้จักเป็นอย่างดี มีผู้เล่นจำนวนมากมีการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ ราคามักจะอยู่ในภาวะสมดุลเสมอ (ราคาในกระดานใกล้เคียงกับมูลค่ากิจการ) ขณะที่หุ้นเก็งกำไรอาจจะเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีคนสนใจมาก่อน อาจทำให้เกิดภาวะที่ราคาหุ้นถูกมากๆ หากมีข่าวร้ายแรงๆ หรือแพงมากๆ ได้ หากมีข่าวดีมากๆ ทำให้มีโอกาสในการเก็งกำไรได้

เมื่อเข้าใจคุณลักษณะที่แตกต่างของหุ้นพื้นฐาน และหุ้นเก็งกำไรแล้ว ลองหาตัวตน และสไตล์การลงทุนของตัวเองดูว่าเหมาะสมต่อหุ้นประเภทไหน และมุ่งตรงไปในทิศทางนั้น จะลบความผิดพลาดในการลงทุนไปได้เยอะเลยครับ

SuperTrader Team
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง


กำลังโหลดความคิดเห็น