จั่วหัวเรื่องมาแบบนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ นักลงทุนเคยเข้าไปเล่นหุ้นประเภทไหนใน 3 แบบที่ว่านี้กันบ้าง (เชื่อว่าส่วนใหญ่คงเล่น 2 แบบหลัง) เราอาจจะคุ้นเคยต่อการแบ่งหุ้นตามรูปแบบของผลตอบแทน เช่น หุ้นเติบโต หุ้นปันผล หุ้นปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วในตลาดหุ้นมีหุ้นอยู่เพียงแค่ 3 ประเภทตามที่ว่ามานี่แหละ เรามาดูกันว่าหุ้น 3 แบบนี้ต่างกันอย่างไร ซึ่งจะมีวิธีการเทรดที่ต่างกัน
หุ้นพื้นฐาน คือ หุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม SET50 เช่น กลุ่มพลังงาน ธนาคาร สื่อสาร ค้าปลีก ฯลฯ เป็นหุ้นที่นักลงทุนเกือบทุกคนในตลาดจะรู้จัก ที่เรียกว่าหุ้นพื้นฐานก็เพราะปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นเติบโตจะมาจากปัจจัยพื้นฐานของกิจการเป็นหลัก อาจจะถึง 60-70% เช่น อัตราส่วนทางการเงิน ความสามารถในการแข่งขัน ฯลฯ
หุ้นกลุ่มนี้จะเล่นแบบเก็งกำไรได้ยาก เพราะเป็นหุ้นมาร์เกตแคปขนาดใหญ่ มีผู้เล่นจำนวนมากโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันไทย และต่างชาติ เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อหุ้น ถ้าจะมีนักลงทุนทั่วไปก็มีเฉพาะคนพอร์ตใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์กับภาพรวมของตลาดหุ้น กล่าวคือ หาก Sentiment ของตลาดและเศรษฐกิจไม่ดี หุ้นกลุ่มนี้จะถูกเทขายไปด้วยแม้พื้นฐานยังดี เพราะนักลงทุนต่างชาติจะมองเศรษฐกิจมหภาคมาใช้ตัดสินใจลงทุนในแต่ละประเทศ
ถ้าจะเล่นหุ้นพื้นฐาน ต้องให้ความสำคัญต่อปัจจัยพื้นฐานของกิจการ และแรงผลักดันราคาหุ้น เช่น ราคาน้ำมันขาขึ้น จะส่งผลดีต่อหุ้นพลังงาน ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นธนาคาร ส่วนปัจจัยทางเทคนิคมักจะใช้ภาพกราฟระดับ Day ขึ้นไปในการหาจุดซื้อจุดขาย แต่นักลงทุนสถาบันมักใช้ P/E Ratio ในการหาจังหวะลงทุนมากกว่า
หุ้นเก็งกำไร มักจะเป็นหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก อาจจะมีพื้นฐานกิจการที่ดีในระดับหนึ่งแต่มักจะไม่ใช่หุ้นที่คนส่วนใหญ่ในตลาดรู้จัก ผลประกอบการอาจจะมีการเติบโตที่ไม่สม่ำเสมอทำให้เป็นโอกาสในการเข้าเก็งกำไร เช่น มีการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีอนาคต ถูกเทกโอเวอร์กิจการ ฯลฯ
แต่ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาหุ้นในกลุ่มนี้ก็คือ “สตอรี่” ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทจะได้ผลบวกในอนาคต หรืออาจจะทำให้พื้นฐานของกิจการมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ข่าวการเปิดประมูลรถไฟฟ้าทำให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หรือนโยบายภาครัฐที่มีความต้องการใช้ยางมะตอยจำนวนมาก ทำให้หุ้น TASCO ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวได้รับประโยชน์ แรงผลักดันเหล่านี้อาจจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปได้หลายเท่า หุ้นประเภทนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่คือ นักลงทุนรายย่อยเพราะกองทุนจะไม่สามารถเข้าไปซื้อหุ้นได้ ยกเว้นแต่ถูกนำเข้าไปในกลุ่ม SET50 ถึงจะลงทุนได้
หุ้นปั่น เป็นหุ้นที่ถูกผลักดันด้วย Market Maker หรือ “เจ้ามือ” ซึ่งอาจจะไม่มีปัจจัยผลักดันใดๆเลยก็เป็นได้ แต่เป็นการเก็งกำไรด้วย Money Games ซึ่งอาจจะมีข่าว หรือสตอรี่ตามมาภายหลังแต่มักจะเป็นเพียงแค่ความคาดการณ์เท่านั้น เช่น ลือว่าจะถูกเทกโอเวอร์ ลือว่าจะไปลงทุนธุรกิจใหม่ ฯลฯ จากนั้นก็จะมีการใช้เครื่องมือการเงิน อย่างเช่น เพิ่มทุน หรือออกวอร์แรนต์ตามมา
การเล่นกับหุ้นปั่นให้คิดว่าเป็นการเล่นกับกระดาษเปล่าโดยไม่มีพื้นฐานรองรับใดๆ ขอให้เก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง เมื่อนักลงทุนรู้แล้วว่าหุ้นแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ให้เราเลือกลงทุนหุ้นที่ถูกกับจริตของเรา และทำตามแผนการลงทุนอย่างเคร่งครัดครับผม
SuperTrader Team
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง