เราจะทำธุรกิจสักธุรกิจ จะขายอะไรสักอย่าง จะเปิดร้านอาหารสักที่ หรือลงทุนในอะไรก็แล้วแต่ ส่วนมากเราต้องคิดก่อนครับว่าธุรกิจนั่นจะไปรอดไม่รอด จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจ และโอกาสอยู่รอดในธุรกิจมีมากน้อยขนาดไหน
แต่ทำไมวันนี้เรานำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้น เรากลับไม่เคยวิเคราะห์ตัวเองว่าสิ่งที่เราหอบเข้ามาในตลาดหุ้นนั่นมันจะทำให้เราอยู่รอดไหม จุดแข็งของเราคืออะไร จุดอ่อนคืออะไร โอกาสอะไรบ้างที่สนับสนุนเรา หรืออุปสรรคอะไรที่จะเป็นปัญหาที่ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จบนตลาดหุ้น
ส่วนตัวผมมองว่าเพราะเพื่อนๆ พี่ๆ ไม่คิดว่าสิ่งที่นำมาลงมันคือ อีกหนึ่งธุรกิจที่เราต้องดูแล มันไม่ได้แตกต่างจากธุรกิจหลักที่เราทำอยู่เลยครับ เพราะการลงทุนในหุ้นมีกำไรมีขาดทุน มีอุปสรรค มีโอกาสแล้วตัวเราเห็นมันมองน้อยแค่ไหน ...
วันนี้เพื่อนๆ ลองทำดูครับว่าจุดแข็งของเพื่อนๆ มีอะไรบ้างที่เป็นจุดเด่นของตัวเองที่สามารถควบคุมมันได้ เช่น มีวินัย หาหุ้นเก่ง มีความไว มีความถนัดเรื่องเทคนิคอะไรแบบนี้อะครับ ดึงมันออกมาว่าจุดแข็งจริงๆ ของเราคืออะไร
รวมถึง จุดอ่อนว่าการเทรดของเรา อะไรเป็นจุดอ่อนของเรา กลัวไปไหม ทนกำไรได้ไหม เงินทุนจำกัดหรือไม่ รวมถึงข้อบกพร่องต่างๆ พยายามบันทึกจดมันออกมา และนำจุดอ่อนเหล่านี้ไปพัฒนาเพื่อให้เป็นจุดแข็งของเราต่อไปครับ
โอกาสในการลงทุนช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง สภาพแวดล้อมต่างๆ เอื้อให้เราประสบความสำเร็จมากน้อยขนาดไหน และอุปสรรค การเมือง เศรษฐกิจรอบตัว น้ำมัน สงครามต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อเรามากน้อยขนาดไหนบนการเทรด เหล่านี้ลองทำกันดูครับบางทีอาจจะเส้นผมบังภูเขาก็ได้ว่าทำไมเราไม่ประสบความสำเร็จบนตลาดหุ้นครับ
ตอนที่ผมกระโดดออกจากงานออกมาผมคิดครับว่า ผมมีจุดอ่อน จุดแข็งอะไร อะไรคือโอกาสของผม และอุปสรรคที่ผมต้องเจอมีอะไรบ้าง.. แล้ววันที่ผมกำเงิน 2 แสนออกมาลุย... ตอบตรงๆ เลยคือ ผมเอามาลงทุนหาความรู้ถ้าหมดก็ไม่เสียดายเพราะผมลงทุนหาความรู้ให้แก่ธุรกิจของผม นั่นคือตัวผมเอง ผมไม่ได้มองในส่วนของกำไรเลยว่าจะได้หรือไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมต้องได้นั่นคือ ความรู้ครับ ผมเองเป็นเจ้าของกิจการที่ดูแลเงิน 2 แสนบาท ผมเป็นประธาน ผมเป็นผู้จัดการ ผมเป็นคนสวน เป็นบัญชี เป็นบุคคล ง่ายๆ คือ รับผิดชอบทุกอย่าง และต้องคอยวางแผนให้ตัวเองใช่จ่าย หรือไปเก็บเกี่ยวความรู้เพิ่ม
ผมจึงปราศจากความกลัว หรือจะกลัวว่าไม่รอดเพราะผมไม่ได้สนใจตรงนั้น หากกำไรคือ โคตรกำไร หากเท่าทุนคือ กำไร หากขาดทุนคือ ปกติ เพราะผมมาเอาความรู้ไม่ได้มาเอาเงินออกจากตลาด อันนี้คือความคิดผมช่วงแรกในการตัดสินใจออกมาครับ
เพื่อนๆ เคยคิดไหมครับว่า หากเราดูแลพอร์ตของเราแล้วเราเพิ่มทุนตลอดคือ เติมเงินตลอดแบบนี้เป็นธรุกิจคือเจ๊ง แต่ทำไมยังฝืนเติมเงิน ไม่หาข้อบกพร่องว่าทำไมมันถึงเจ๊งไม่หาทางแก้ไขบางครั้งเราลองคิดดีๆ ครับว่าทามกลางตลาดไม่ดีแต่เรายังฝืนเติมเงินลงไปอีก แล้วคิดกลับกันว่าหากเป็นธุรกิจมันขาดทุนตลอดแบบนี้เราจะไม่แก้ไขมันเลยหรือครับ
ท่ามกลางตลาดแบบนี้ บางคนมองเป็นโอกาส บางคนมองเป็นอุปสรรค อันนี้ก็แล้วแต่บุคคลครับ ถ้าเพื่อนๆ มีความชัดเจนว่าจุดแข็งเราคืออะไร อะไรเป็นจุดอ่อนให้เราต้องพัฒนารวมถึงปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่จะสนับสนุนเราหรือทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเราทราบตัวเองชัยชนะของธุรกิจนี้บนตลาดหุ้นผมว่าไม่ไกลครับ แต่หากยังไม่ทราบเลยอันนี้ต้องรับสร้างจุดแข็งให้ตัวเองครับ
บนการทำธุรกิจบนตลาดหุ้นของผม สิ่งที่ผมเน้นคือ ทุนผมห้ามหาย หรือหายได้ก็ต้องน้อยที่สุดครับ “เหนือกว่าการทำกำไรคือ การรักษาเงินต้น” คำนี้คือหัวใจของธุรกิจผมเลยครับ รักษาทุนให้นานที่สุด และเก็บเกี่ยวประสบการณ์วันที่ตลาดโหดร้ายให้ได้มากที่สุด เข้าใจรอบของตลาด เข้าใจผู้ร่วมเกม ประคองตัวไปให้รอดในทุกๆ สถานการณ์ พูดง่ายๆ ให้มันมาเลยทุกทางเลยครับเปิดใจว่าทุกอย่างคือการเรียนรู้ มันไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนว่า การเอาตัวรอดเป็นอย่างไรครับจะได้เรียนรู้ให้หมดครับ และเมื่อมันครบรอบของตลาด ทุกอย่างจะสบายครับเพราะมันผ่านมาหมดแล้วครับ
ยืนให้ได้บนตลาดที่ไม่ดีแบบนี้ พอตลาดมันเป็นปกติ อะไรก็ไม่สามารถทำร้ายเราได้ครับ สู้ๆ ทุกท่านครับ
วนนท์ วรรณป้าน ทีม DayTade Hunter
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง