ประกาศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเศรษฐีหุ้นเมืองไทยประจำปีนี้ ปรากฏว่า หมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ครองแชมป์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แถมยังมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7% ส่วนเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ที่เข้ามาก็มี ยุพิน ธีระโกเมน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอ็มเค เรสเตอรอง ที่เข้ามาติดอันดับหกในปีนี้
ที่ผมยกเรื่องของเศรษฐีหุ้นขึ้นมาเพราะต้องการจะบอกว่านักลงทุนสามารถใช้อันดับของเศรษฐีหุ้นมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนเลือกหุ้นได้เช่นกัน ลองสังเกตดูสิครับว่า หุ้นที่สร้างความร่ำรวยให้คนเหล่านี้กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ล้วนแล้วแต่เป็นกิจการที่มีความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทั้งสิ้น
เช่น หุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ ของหมอปราเสริฐ ก็เป็นเครือข่ายโรงพยาบาลอันดับ 1 ของประเทศ และอันดับต้นๆ ของเอเชีย หุ้นพฤกษาเรียลเอสเตท ของทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ ก็เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของประเทศ หรือหุ้นพลังงานบริสุทธิ์ (EA) ของสมโภช อาหุนัย ก็เป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานทดแทน
ผมย้ำเสมอว่า บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้บริหารเอง หรือองค์กรที่มี “เถ้าแก่” บริหารจะเป็นหุ้นที่มุ่งเน้นการสร้างความเติบโตให้แก่กิจการมากกว่าองค์กรที่บริหารโดยผู้บริหารมืออาชีพ แน่นอนครับว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็จะมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของบริษัท รวมถึงราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น แม้ปัจจุบัน บริษัทชั้นนำหลายแห่งพยายามสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้บริหารมืออาชีพด้วยการมอบหุ้นให้บางส่วน แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ต่อให้ราคาหุ้นของบริษัทเติบโต ความมั่งคั่งของผู้บริหารก็ไม่ได้เติบโตมากขึ้นเท่าไร
ที่สำคัญ เศรษฐีหุ้นที่ติดอันดับต้นๆ เหล่านี้หากติดตามอย่างใกล้ชิดจะพบว่า หลายท่านแทบไม่เคยขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาเลย ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ตอนที่หุ้นลงหนักๆ ยังเข้าซื้อเพิ่มเติมด้วย เพราะอะไร?
เพราะพวกเขารู้ดีครับว่าหุ้นเป็นหนึ่งในสินทรัพย์เพียงไม่กี่อย่างบนโลกนี้ที่จะสร้างความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน และหลายเด้ง (โตได้หลายเท่า) การที่จะเป็นเศรษฐีได้ต้องเป็นเจ้าของหุ้นเท่านั้น และต้องเป็น Major Shareholder เท่านั้น ที่สำคัญการไม่ทิ้งหุ้นตัวเองยังเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยว่า ผู้บริหารมีความมั่นใจในกิจการอย่างเต็มที่ ลองคิดดูครับว่าถ้าเราถือหุ้นในบริษัทที่ผู้ถือหุ้นใหญ่มีแต่จะขายหุ้นตัวเองออกไป เราจะคิดยังไง?
เมื่อรู้แล้วว่าบรรดาเศรษฐีหุ้นเขามีวิธีคิดกันอย่างไร เรากลับมามองย้อนดูตัวเราว่าการที่เราเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น เรามีเป้าหมายในการลงทุนอย่างไร เก็งกำไรไปวันๆ หรือลงทุนระยะยาวหวังสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ถ้าคุณต้องการจะเป็นเศรษฐี คุณต้องเป็นเจ้าของหุ้น และต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยถึงจะสมน้ำสมเนื้อ แน่นอนว่าการเริ่มต้นช่วงแรก การเน้นสร้างกระแสเงินสดรายวันด้วยการเป็นเทรดเดอร์ เป็นแนวทางที่เหมาะสม แต่ถ้าตลาดเปิดโอกาสให้แก่เรา (เช่นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือปรับฐานรุนแรง) เราควรคว้าโอกาสนั้นด้วยการเข้าถือหุ้นที่แข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโต และมีผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ดีที่จะพาเราเติบโตไปด้วยกัน
แต่ฉากไคลแมกซ์ของชีวิตนักลงทุน การเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ทำไอพีโอด้วยตัวเอง หรือเทกโอเวอร์กิจการ ผมคิดว่านี่คือเส้นทางสร้างความมั่งคั่งอย่างแท้จริงครับ
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง