หนึ่งในผู้เล่นสำคัญของตลาดหุ้นไทยที่นักลงทุนต้องจับตาทุกวันหลังตลาดปิดนั่นก็คือ นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาในหุ้นไทยผ่านสถาบัน หลายๆ ครั้งเราจะเห็นบทวิเคราะห์เขียนว่าสถาบันต่างชาติปรับพอร์ตหุ้นไทยบ้าง (เช่นการถล่มขายหุ้นกลุ่มสื่อสารในสัปดาห์ที่แล้ว) ลดหรือเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยบ้าง วันนี้เรามาดูกันว่าวิธีคิดในการลงทุนของนักลงทุนสถาบันต่างชาติเหล่านี้เขาตัดสินใจเข้าหรือออกตลาดหุ้นกันอย่างไร
หนึ่ง..ให้น้ำหนักของ Valuation และพื้นฐานกิจการ เวลาที่กองทุนต่างชาติจะเข้ามาซื้อหุ้นไทย ตัวเลขที่ให้ความสำคัญอันดับต้นๆ ก็คือ P/E Ratio ทั้งในส่วนของภาพรวมทั้งตลาด และหุ้นรายตัว กล่าวคือ หากตลาดอยู่ในภาวะ Overbought เช่น ค่าพีอีสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หรือสูงกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านสถาบันที่ถือหุ้นไทยจะมีการขายหุ้นออกไป และจะกลับมาซื้ออีกครั้งเมื่อค่าพีอีลงมาอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย นอกจากนี้ ยังให้น้ำหนักต่อปัจจัยพื้นฐานของกิจการโดยไม่ได้ให้น้ำหนักกับปัจจัยทางเทคนิคนัก เนื่องจากสถาบันต่างชาติจะเป็นนักลงทุนระยะกลางถึงยาวขึ้นไป มีส่วนน้อยที่เน้นลงทุนระยะสั้น การตัดสินใจลงทุนจึงขึ้นอยู่กับแนวโน้มการเติบโตของกิจการ รวมถึงภาพรวมของอุตสาหกรรม
สอง…มองภาพกว้างของเศรษฐกิจแต่ละประเทศ การทำงานของนักลงทุนสถาบันนอกจากผู้จัดการกองทุนแล้วยังประกอบไปด้วยนักเศรษฐศาสตร์ที่จะวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจแต่ละประเทศว่ามีความน่าสนใจลงทุนเพียงใด โดยมีความเชื่อว่าตลาดหุ้นคือภาพสะท้อนของเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดีจะเป็นที่จับจ้องของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้าซื้อหุ้น
สาม…ให้ความสำคัญต่อค่าเงิน นักลงทุนต่างชาติจำเป็นที่จะต้องนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลท้องถิ่นเพื่อลงทุนในตลาดหุ้น ถ้าหากค่าเงินของประเทศนั้นๆ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจะทำให้ได้รับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกทางหนึ่งด้วย แต่ถ้าหากแนวโน้มค่าเงินอ่อนค่าลงจะทำให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนต่างชาติจึงมักมองหาประเทศที่มีเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงค่าเงินเพื่อที่จะลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สี่…มองภาพรวมทั้งภูมิภาคและทั้งโลก นักลงทุนสถาบันทั่วโลกจะมีวิธีการลงทุนคล้ายกันคือ เปรียบเทียบความเสี่ยง และผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นในภูมิภาค เช่น ตลาดหุ้นไทยเทียบกับตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ถ้าหากแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไหนดีกว่าก็จะให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่า หรือถอนการลงทุนออกมา นอกจากนี้ ยังมีการเปรียบเทียบหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันเทียบกับหุ้นกลุ่มเดียวกันในภูมิภาค เช่น เปรียบเทียบหุ้นกลุ่มสื่อสารไทยกับหุ้นกลุ่มสื่อสารในมาเลเซีย ถ้าหากหุ้นตัวใดมี Valuation หรือแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจกว่าก็จะเข้าลงทุน
นี่เป็นวิธีคิดในการจัดพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างชาติซึ่งเราสามารถนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์การลงทุนของเราได้ โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีนักลงทุนสถาบันเป็นผู้เล่นรายสำคัญ
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง