“จงกล้าในจังหวะที่คนอื่นกลัว และจงกลัวในจังหวะที่คนอื่นกล้า” คำกล่าวนี้ยังใช้ได้เสมอ ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศฝรั่งเศล ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียในเช้าวันจันทร์ปรับตัวลดลงตั้งแต่ 1-2% รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย แต่สุดท้ายช่วงปิดตลาดสามารถกลับมายืนได้ในแดนบวก แม้ระหว่างวันจะมีความผันผวนอยู่บ้าง
ในตลาดหุ้นมีโอกาสท่ามกลางวิกฤตหลายครั้งที่เราสามารถเข้าไปลงทุนเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้นได้จากความตื่นตระหนกในระยะสั้น หากใครเข้าไปซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี และไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ดังกล่าวในวันที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงชั่วคราวก็จะสามารถเข้าซื้อเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นได้
ทั้งนี้ โอกาสที่จะลงทุนในภาวะวิกฤตซึ่งเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกเหตุการณ์อย่างแรกที่เราต้องวิเคราะห์ให้ออกคือ เหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องต่อพื้นฐานทางเศรษฐกิจ หรือเป็นเพียงแค่อาการตื่นตระหนกชั่วคราว
ตัวอย่างเช่น การเกิดเหตุร้ายในประเทศต่างๆ ทุกครั้งตลาดหุ้นจะปรับตัวลงในทันที เนื่องจากนักลงทุนสถาบันจำเป็นต้องขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง เช่น เหตุการณ์กราดยิงสำนักงานหนังสือพิมพ์ ชาร์ลี เอ็บโด ของฝรั่งเศล วันนั้นตลาดหุ้นฝรั่งเศลติดลบลงกว่า 3.4% ส่วนหุ้นไทยติดลบ 2.7% แต่ก็สามารถดีดกลับมาได้ภายในสัปดาห์ที่เกิดเหตุ
เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ ช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจไทยกำลังซบเซา และต้องการหวังพึ่งการท่องเที่ยวมาช่วยพยุง แต่เหตุระเบิดได้ส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวโดยตรง เห็นได้จากหุ้นกลุ่มโรงแรม และสายการบินที่ปรับตัวลงอย่างหนัก เหตุการณ์ดังกล่าวจึงส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมทั้งหมด เหตุการณ์แบบนี้ไม่สามารถที่จะเสี่ยงลงทุนได้เพราะมีผลต่อพื้นฐานเศรษฐกิจจริงไม่ใช่อาการตื่นตระหนก
ทั้งนี้ ความเสี่ยงสามารถแยกออกได้ 2 ประเภทคือ
ความเสี่ยงที่เป็นระบบ และความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบความแตกต่างคือ
ความเสี่ยงที่เป็นระบบ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจส่งผลกระทบทั้งหมด และไม่สามารถควบคุมและกระจายความเสี่ยงได้ไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ใด เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลกอย่างแน่นอน หรือภัยธรรมชาติ การเมือง ก่อการร้าย สงคราม ฯลฯ ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นยากที่จะคาดการณ์ระดับความเสียหายได้ว่าจะอยู่ในระดับไหน แต่ความเสี่ยงแบบนี้จะมีโอกาสทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าพื้นฐานได้
ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ หรือความเสี่ยงเฉพาะอุตสาหกรรม เช่น ภาวะที่หนี้เสียภาคธนาคารเพิ่มขึ้นจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มธนาคารทั้งหมด แม้บางธนาคารจะมีหนี้เสียน้อยก็ตาม หรือราคาน้ำมันจะส่งผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทั้งหมด
วิธีการบริหารความเสี่ยง และสร้างโอกาสในการลงทุนภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นชั่วคราว หลักสำคัญคือ Money Management ที่ดี โดยเราไม่ควรที่จะถือหุ้นหรือลงทุนเต็ม 100% ของพอร์ตเพราะจะไม่มีเงินสดให้ซื้อหุ้นที่ลดลงต่ำกว่าพื้นฐานเป็นการเสียโอกาสในการเข้าลงทุน
ปัจจุบัน โลกมีความเสี่ยงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจหรือความเสี่ยงในภัยก่อการร้าย และสงคราม การถือเงินสดไว้ส่วนหนึ่ง และไม่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปจะทำให้เราสามารถคว้าโอกาสสร้างผลตอบแทนจากวิกฤตชั่วคราวได้ครับ
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง