xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ SET จะกลับมามีเสน่ห์อีกครั้งปีหน้า SCBS คาดมีโอกาสทะยานแตะ 1,800 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.ไทยพาณิชย์ คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์จากการเปิดเออีซี นักลงทุนมองหาโอกาสใหม่จากการเชื่อมโยง ศก.ของภูมิภาคเข้าด้วยกัน ชี้แนวโน้มปี 59 ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจ และมีศักยภาพ สามารถดึงดูดนักลงทุนกลับมาอีกครั้ง ตามแนวโน้ม ศก.ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่าดัชนีฯ สามารถขึ้นไประดับ 1,600-1,700 จุด แต่หากทุกอย่างเติบโตดีมากก็มีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 1,800 จุด พร้อมยอมรับตลาดหุ้นไทยปีนี้อ่อนแอจากแรงกดดันทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ส่งผลให้ดัชนีปรับลดลงกว่า 12% จากช่วงต้นปี แนะนำนักลงทุนเลือกซื้อหุ้นที่มีผลประกอบการดี และมีแนวโน้มเติบโตตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ และการขยายตัวของสังคมเมืองในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน

นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2558 ค่อนข้างอ่อนแอ ถึงปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ได้ปรับตัวลดลงแล้วกว่า 12% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจฟื้นตัวต่ำกว่าคาด ความล่าช้าในการใช้จ่ายของภาครัฐ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน และผู้บริโภคที่ลดลง อีกทั้งยังถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์ในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง และการอ่อนตัวลงอย่างรุนแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์

สำหรับปี 2559 คาดว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปี 2558 ด้วยปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่มีทิศทางขยายตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนที่ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่น และดึงดูดนักลงทุนให้กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ตลอดจนการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ นับเป็นโอกาสของธุรกิจไทยที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อเข้าไปขยายตลาดผู้บริโภคในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV)

“ตลาดหุ้นไทยปี 2559 จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนด้วยปัจจัยบวกหลายๆ อย่างที่ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพ ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นกลับมาคึกคัก สามารถดึงดูดนักลงทุนไทย และต่างชาติได้ตามศักยภาพที่แท้จริง”

นอกจากนี้ ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ คือ การเปิดเออีซีอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เนื่องจากมีการปรับตัวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่คาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะได้เห็นกระแสข่าวเกี่ยวกับการมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะการขยายตลาดของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ขณะที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปตามรายได้ที่สูงขึ้นจากการขยายตัวของสังคมเมือง

“ด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้น จึงคาดว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยปี 59 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีกว่าปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าดัชนีฯ สามารถขึ้นไประดับ 1,600-1,700 จุด แต่หากทุกอย่างเติบโตดีมากก็มีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 1,800 จุด และมองต่ำสุดที่ 1,200 จุด ขณะที่คาดว่าการเติบโตของกำไรสุทธิ/หุ้น (EPS Growth) คาดว่าจะอยู่ที่ 12% หรือ 95 บาทต่อหุ้น บน P/E 15 เท่า จากปีนี้ที่ 74 บาทต่อหุ้น”

หุ้น Top Picks สำหรับไตรมาส 1/2559 แนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม และมีประเด็นการเติบโตที่เกี่ยวข้องต่อการขยายตัวของประเทศเพื่อนบ้านเมื่อมีการเปิดเออีซี ซึ่งธุรกิจที่น่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ธุรกิจต่อเติมและปรับปรุงที่อยู่อาศัย ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจบริการทางการเงิน และธุรกิจท่องเที่ยว ประกอบด้วย

· บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) กำไรมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น และ valuation น่าสนใจ การเปิด AEC จะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตเพิ่มมากขึ้น เพราะจะกระตุ้นให้ความต้องการเดินทางท่องเที่ยว และทำธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น

· บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายสินเชื่อได้มากขึ้น การตั้งสำรองลดลง และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองที่ชะลอตัวลง บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาด CLMV จาก1%ในปัจจุบัน สู่ 10% ภายในปี 2563 (เติบโตเฉลี่ย 43% ต่อปี)

· บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) ราคายังปรับขึ้นช้า และน่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เพราะประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก และครอบคลุมทุกตลาดการเปิดเออีซี ซึ่งจะสนับสนุนให้กำไรเติบโตเพิ่มมากขึ้น

· บมจ.เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เป็นหุ้นที่น่าซื้อลงทุนในระยะยาว เพราะแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนขยายโรงภาพยนตร์เท่าตัวจาก 517 โรงในปัจจุบัน สู่ 1,000 โรงในปี 2563 สัดส่วนรายได้จากตลาด CLMV จะเพิ่มขึ้นจาก 3% ในปัจจุบัน สู่ 20% ในปี 2563

· บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) สัดส่วนรายได้จากตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2549 สู่ 22% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 และกำลังการผลิตใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในอาเซียน และจะเริ่มเดินเครื่องผลิตระหว่างปี 2558-2560
กำลังโหลดความคิดเห็น