สภาธุรกิจตลาดทุนไทย มองเศรษฐกิจไทยปี 59 จะค่อยๆ ฟื้นตัว และเติบโตได้ 3% แนะรัฐลงทุนอย่างรอบคอบ โดยให้คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากสถานการณ์ต่างประเทศ ขณะที่สภาวะความผันผวนของการลงทุนในตลาดเกิดใหม่อาจมีความรุนแรงมากขึ้น
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะค่อย ๆกระเตื้องขึ้นตามลำดับจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หากเม็ดเงินเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 3 แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทั้งหนี้ภาคครัวเรือน สถานการณ์ทางการเมือง และภัยแล้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งไตรมาส 2 ปี 2559 ที่จะเริ่มส่งผลกระทบชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่มีหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พร้อมเน้นย้ำให้รัฐบาลมีการพิจารณาสัญญาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างรอบคอบ และดำเนินนโยบายโดยคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มเติบโตระยะยาว เนื่องจากประเทศไทยมีแนวโน้มการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุ ส่วนธุรกิจเอสเอ็มอี และธุรกิจการเกษตรยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ด้านนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2559 สภาวะความผันผวนของการลงทุนในตลาดเกิดใหม่อาจมีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่อาจต้องใช้ทั้งมาตรการทางการคลัง และการเงินมาช่วยหนุน เพื่อไม่ให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดต่ำกว่าร้อยละ 6.5 รวมถึงการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน อาทิ การลดดอกเบี้ย และการลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ หรือ RRR เพื่อควบคุมสภาวะเงินไหลออกนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายปริญญ์ กล่าวว่า นโยบายต่างๆ เหล่านี้จะส่งผลให้ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนตัวได้อีกร้อยละ 3-5 เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในอีก 6 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัวแตะ 37-38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และจะส่งผลให้นักลงทุนสถาบันไม่รีบร้อนที่เข้ามาลงทุนในตลาดไทย
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะเริ่มมีการประมูลปี 2559 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้างระยะสั้น แต่รัฐบาลควรจะรีบผลักดันให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนอย่างจริงจัง รวมถึงชักชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมมูลค่าสูง
นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งทำการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้ลงทุน 4 กลุ่มในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่มีต่อระดับดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ก.พ. 59) โดยระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 89.42 ปรับตัวลดลงร้อยละ 10.69 จากดัชนีเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 100.12 โดยดัชนีแต่ละกลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 16.66 อยู่ที่ 83.34 อยู่ในกรอบทรงตัว
ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.09 อยู่ที่ 126.32 ปรับตัวเข้าสู่ระดับร้อนแรงจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจในประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นมากที่สุด ขณะที่สถานการณ์ต่างประเทศ และเหตุการณ์ไม่แน่นอน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลปรับตัวลดลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจโลก การผ่อนคลายมาตรการเชิงนโยบาย (QE) การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ราคาน้ำมันในตลาดโลก อัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินที่มีความผันผวน ปัญหาการเมือง และสงครามระหว่างประเทศ และนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน