ในบทความก่อนหน้า และหลายๆ บทความที่กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะเห็นได้ว่าแนวโน้มส่วนใหญ่อยู่ที่ขาลง สาเหตุสำคัญที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ ความเห็นของหลายฝ่ายที่มองว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี และเชื่อว่านักลงทุนหลายท่านต้องประสบต่อภาวะขาดทุนจากการที่ลงทุนทองคำในช่วงนี้
มาในบทความนี้ก็ต้องขออนุญาตผู้อ่านแนะนำวิธีการลงทุน และการรับมือต่อแนวโน้มทองคำช่วงนี้ดีกว่าครับ ขั้นแรก ต้องทำความเข้าใจต่อการเคลื่อนไหวของทองคำ ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ไปผูกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับหุ้นในฐานะสินทรัพย์การลงทุนนั้น ทองคำเป็นเพียงวัตถุสีทองมันวาวมีค่าในตัวมันเอง ไม่ต้องมีผลกำไรมาหนุนหลังเหมือนหุ้น ดังนั้น ในระยะยาวแล้วราคาทองคำจะเคลื่อนไหวโดยขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกเป็นส่วนใหญ่ เรื่องที่สองที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวของเราเอง ซึ่งทุกๆ การลงทุนต้องมีการกำหนดวัตุประสงค์ และระยะเวลาการลงทุนเสมอ การลงทุนในทองคำก็เช่นกันครับต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะเป็นการลงทุนระยะยาว หรือระยะสั้น หากเป็นการลงทุนระยะสั้น หรือต้องการใช้เงินเร่งด่วน การขายโดยการใช้เครื่องมือทางเทคนิคมาใช้ในการหาจังหวะขายเพื่อลดผลขาดทุนให้เหลือน้อยที่สุดจะเป็นทางเลือกที่ดี
และแนวโน้มใหญ่ที่เป็นขาลงนั้นมักจะมีช่วงที่ราคาทองคำ Rebound ขึ้นมาเสมอ แต่หากเป็นการลงทุนในระยะยาวราคาทองคำจะอิงกับภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่ ก็ต้องทำความเข้าใจว่าภาวะเศรษฐกิจนั้นจะวนเวียนเป็นวัฏจักร ซึ่งช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตที่ถาโถมเข้ามาในช่วงก่อนหน้า และในอนาคตเศรษฐกิจจะต้องฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ตรงนั้นสินทรัพย์การลงทุน รวมถึงทองคำก็จะฟื้นขึ้นมาเหมือนกันครับ แต่คงไม่เกิดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อาจกินเวลา 5 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเผชิญต่อสถานการณ์ใดๆ นอกเหนือจากความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เราลงทุนอยู่จะเป็นสิ่งสำคัญแล้ว การใช้สติเพื่อรับมือต่อสถานการณ์นั้นๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
กมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ และผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด