ประเมินแรงเทขายทองคำเริ่มลดลง พยุงราคาปรับตัวลงไม่มากกว่าจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี ภาพรวมปัจจัยลบยังมากกว่าบวกเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้นต่อเนื่อง โอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าไม่หยุด ขณะที่ยูโรหวั่นเศรษฐกิจเยอรมนีชะลอตัวฉุดทั้งยูโรโซนแย่ตาม คาดหากยืนเหนือ 1,110 เหรียญ/ออนซ์ได้ไม่มั่นคง ระยะกลาง-ยาว ทิศทางทองคำยังเป็นขาลง
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินการเคลื่อนไหวราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาว่า แรงขายในทองคำเริ่มเบาบางลง แต่แรงซื้อที่จะดันให้ทองคำปรับตัวขึ้นยังไม่มีมากเช่นกัน ทำให้ราคาทองคำที่ควรจะขยับขึ้น จึงแกว่งตัวออกด้านข้าง และเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ ซึ่งโดยรวมปัจจัยสำคัญที่กดดันยังมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดูค่อนข้างสดใส ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซน โดยเฉพาะตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการส่งออกนำเข้าของเยอรมนีชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจชะลอตัวลง และด้วยเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของกลุ่ม ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจของเยอรมนีชะลอตัวก็จะมีผลให้เศรษฐกิจของกลุ่มอ่อนตัวลงตามไปด้วย
“ปัจจัยทิศทางเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ และยูโรโซนที่แตกต่างกันมาก กลายเป็นปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง และดอลาร์สหรัฐแข็งค่ามากขึ้น และเป็นผลเชิงลบต่อทิศทางราคาทองคำ”
โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อจากนี้อาจต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หลังราคาทองคำเริ่มแกว่งตัวในลักษณะพักฐาน และเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบมาระยะหนึ่งแล้ว โดยต้องติดตามดูว่าราคาทองคำจะสามารถทรงตัวเหนือกรอบแนวรับด้านล่าง และไม่ทำระดับต่ำสุดต่ำกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ หากมีสัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้น และสามารถขึ้นมายืนเหนือ 1,110 เหรียญ/ออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง ทิศทางของตลาดอาจจะเป็นบวกมากขึ้น แต่หากยังต่ำกว่าเดิมมองว่าแรงซื้อยังไม่พอ และแรงขายยังมากอยู่น่าจะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงไปอีก
“ทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้ถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐมาก ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้ เช่น จำนวนผู้รับสวัสดิการว่าง และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดใช้มาประกอบการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย”
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุน นักลงทุนต้องจับตาการเคลื่อนไหวของราคาทอย่างใกล้ชิด และต้องเตรียมพร้อมในการปรับพอร์ตลงทุนให้เหมาะต่อการเคลื่อนไหวของราคาที่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยแนวรับอยู่ที่ 1,080-1,050 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งที่ผ่านมา พบว่าเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง มักจะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาทองคำไม่ให้ปรับตัวลงไปมากกว่านี้ ซึ่งสามารถอาศัยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเข้าจับจังหวะเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวของราคาทองคำได้
ขณะเดียวกัน หากราคาทองคำดีดตัวขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจต้องทยอยแบ่งทองคำออกขายเพราะการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และแนวโน้มการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ ประกอบกับแรงขายจากกองทุน SPDR ที่มีออกต่อเนื่องซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาทองคำในปัจจุบัน โดยมีแนวต้าน 1,110-1,140 เหรียญ/ออนซ์ หากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำรอบนี้ยังไม่สามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง แนวโน้มระยะกลางถึงระยะยาวของทองคำยังคงเป็นลบอยู่