จับตาผลประชุมเฟดกำหนดทิศทางราคาทองคำโอกาสปรับตัวลดลงมีมากกว่าปรับขึ้น คาดหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1,080 เหรียญ/ออนซ์ ไม่อาจรับได้อยู่ ส่วนโอกาสขยับแตะ 1,180 เหรียญ/ออนซ์ ช่วงนี้มีน้อย แนะแตะเบรกลดสถานะถือครองเพื่อความปลอดภัย
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ความผันผวนของราคาทองคำยังมีอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้สวนทางต่อตลาดหุ้นมากขึ้น เมื่อทางการจีนมีการออกมาตรการเพื่อควบคุมความผันผวนของตลาดหุ้นจีน และลดความผันผวนของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีของจีนยืนยันว่า เศรษฐกิจในปีนี้อาจจะขยายตัวเป็นไปตามเป้าหมาย และพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัว และมีเสถียรภาพอีกครั้ง
“มาตรการของจีนทำให้นักลงทุนมีความเชื่้อมั่นเพิ่มขึ้น และกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นอีกครั้ง จึงทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรในทองคำเข้ามา อีกทั้งราคทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะเกิดขึ้น อาจมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้าลงทุนในราคาทองคำเพิ่มเติม”
โดยปัจจัยที่ต้องจับตาอยากให้น้ำหนักไปที่สินทรัพย์เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นในจีน ไทย สหรัฐฯ และตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะหากยังมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องอาจเป็นปัจจันกดดันความน่าสนใจเข้าลงทุนในทองคำลดลง ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ถือเป็นอีกปัจจัยที่กดดันจากการประชุม FOMC รวมถึงรายงานดัชนีผู้บริโภคที่เป็นตัวเลขบ่งบอกถึงสถานะเงินเฟ้อของอเมริกา ที่เฟดอาจใช้เป็นเงื่อนไขในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานออกมา รวมไปถึงการเปิดเผยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญ
“หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริงจะส่งผลต่อแรงขายต่อราคาทองคำ ทำให้ราคาปรับลดลงค่อนข้างแรง แต่หากยังไม่การประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะต้องไปจับตาทิศทางของประธานเฟดว่า จะมีการส่งสัญญาณ หรือพูดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกมาในทิศทางใด เมื่อใด ซึ่งความไม่ชัดเจนดังกล่าวส่งผลให้ความผันผวนของราคาทองคำตอนนี้ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ประเมินว่าก่อนหน้าการประชุมราคาจะเคลื่อนไหวนกรอบแคบ มีแนวรับสำคัญ 1,080 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งหากหลุดโซนลงมานักลงทุนสามารถเข้าซื้อเพื่อเข้าเก็งกำไรจากการดีดตัวของราคาทองคำในระยะสั้น และหากราคาดีดตัวหรือรีบาวนด์ขึ้นอาจต้องจับตาแนวต้านโซน 1,117-1,120 เหรียญ/ออนซ์ ว่าราคายังยืนขึ้นได้หรือไม่ หากยืนได้มองว่ามีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,140 เหรียญ/ออนซ์ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการประชุมยังแนะนำให้นักลงทุนลด Position เพราะเป็นเรื่องยากต่อการคาดการณ์ในผลประชุมที่เกิดขึ้น โดยในระยะสั้นประเมินว่าราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวบริเวณ 1,117-1,180 เหรียญ/ออนซ์ และหากขยับขึ้นน่าจะทำได้เพียง 1,140 เหรียญ/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนยังเชื่อว่าภายในปีนี้เฟดจะยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ไม่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นในครั้งถัดไป โดยหากมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริงประเมินว่าโซนแนวรับ 1,080 เหรียญ/ออนซ์น่าจะรับไม่อยู่ ซึ่งหากต้องการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรมองไปที่แนวรับ 1,050 เหรียญ/ออนซ์