บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เผยนักลงทุนหายตื่นตระหนก และแยกตลาดหุ้นจีนออกไป โดยหันกลับมาดูพื้นฐาน บจ. ส่งผลให้แรงขายน้อยลง พร้อมกับมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยวันนี้เด้งรีบาวนด์กลับได้ถึง 22 จุด โดยมีแรงซื้อกลับในหุ้นบิ๊กแคป แนะจับตามมาตรการกระตุ้น ศก. ที่จะดังความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมา
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นจีน ตลาดยุโรป และตลาดหุ้นไทยเริ่มที่จะฟื้นตัวได้ เนื่องจากภาวะความตื่นตระหนกเริ่มคลี่คลาย และนักลงทุนกลับมาดูปัจจัยพื้นฐานในประเทศมากขึ้น โดยในตลาดหุ้นไทย พบว่า บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ยังมีความแข็งแกร่ง ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจแต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต
“ขณะนี้นักลงทุนเริ่มแยกตลาดหุ้นจีน ออกจากตลาดหุ้นอื่นๆ เพราะมองว่าการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นจีนอีกร้อยละ 7 ในวันนี้ เป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับตลาดหุ้นที่มีนักลงทุนรายย่อยสูงถึงร้อยละ 80 ซึ่งเชื่อว่าทางการจีนจะมีมาตรการเสริมสภาพคล่องเร็วๆ นี้” นายสุกิจ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้ ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวรอความชัดเจนการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด วันที่ 16-17 กันยายน 2558 นี้ จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือไม่ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกดดันบรรยากาศการลงทุน โดยดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,285 จุด
ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 ส.ค.) ดัชนีภาคบ่ายสามารถรีบาวนด์กลับมายืนในแดนบวกได้อย่างแข็งแกร่ง หลังแกว่งตัวผันผวนในช่วงเช้า โดยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,323.88 จุด เพิ่มขึ้น 22.82 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.75% มูลค่าการซื้อขาย 60,200.19 ล้านบาท
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง มองว่า ดัชนีหุ้นไทยหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นมาได้จากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นสัปดาห์หน้าที่รัฐบาลไทยจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาอยู่ใน valuation ที่สมเหตุสมผล ดังนั้น มองว่าแรงขายน่าจะซาลงบ้าง
อีกทั้งตลาดในยุโรปเทรดได้ดีในช่วงบ่ายนี้ต่างปรับตัวขึ้นมาราว 2% และดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นดีกว่า 400 จุด รวมไปถึงตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ก็อยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้มาก หรือน้อยแค่ไหน ซึ่งมองว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจะต้องดึงความมั่นใจของนักลงทุนกลับมาให้ได้ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอลงเรื่อยๆ นั้น ต้องภาวนาให้เบาลง และราคาน้ำมันก็ต้องยืนที่ระดับแถว 39 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลให้ได้
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) คงเกิดขึ้นแน่นอนในปีนี้ หากไม่ปรับขึ้นในเดือน ก.ย. คงต้องไปขึ้นในเดือน ธ.ค. ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) มองว่า ตลาดยังมีลุ้นไปได้อีก พร้อมให้แนวรับ 1,300 จุด ส่วน แนวต้าน 1,330 จุด