ปธ.สภาธุรกิจตลาดทุน เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือน ต.ค.ดีขึ้นชัดเจน และถือว่าสูงสุดในรอบ 5 เดือน นักลงทุนคาดหวังผลบวกมาตรการกระตุ้น ศก.ของรัฐบาล ชี้ไอเอ็มเอฟปรับลดประมาณการ ศก.ประเทศกำลังพัฒนา ไม่กระทบเงินไหลออกเนื่องจากพื้นฐาน ศก.แข็งแกร่ง ส่วนปัจจัยเฟดขึ้น ดบ.ตลาดได้รับรู้ไปมากแล้ว ขณะที่ บล.กสิกรฯ ประเมิน ศก.ไทยใกล้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนตุลาคม 2558 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนประจำเดือนตุลาคม ซึ่งสะท้อนภาพการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 101.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 70.35% สูงสุดในรอบ 5 เดือน และเพิ่มขึ้นจากเดือนกันยายนที่อยู่ที่ 59.57 โดยนักลงทุนรายบุคคลมีความเชื่อมั่นสูงสุด อยู่ที่ระดับ 107.91 นักลงทุนสถาบันในประเทศมีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 99.99 แต่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศมีความเชื่อมั่นทรงตัวในระดับต่ำอยู่ที่ 66.67 และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อยู่ที่ระดับ 57.14 โดยปัจจัยบวกมาจากการที่นายกรัฐมนตรี เดินทางไปขึ้นเวทีสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ที่สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ต่างชาติ รวมทั้งคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ
ส่วนปัจจัยลบที่ต้องจับตามองอยู่คือข้อ พิพาทความขัดแย้งระหว่างประเทศของรัสเซียกับซีเรีย และการสร้างเกาะเพื่อตั้งฐานทัพของจีน ซึ่งจะมีผลต่อจิตวิทยาต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอนาคตที่อาจจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลก และการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าดัชนีหุ้นไทยในช่วงหลังจากนี้ไปยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หากปัจจัยระหว่างประเทศเหล่านี้ไม่มีความรุนแรงขึ้น
ส่วนกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาลงนั้น เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเงินทุนไหลออกของไทยมากนัก เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดได้คาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจ และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงการปรับประมาณการนั้นเป็นการปรับลดลงทั่วโลก จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้เงินลงทุนจากต่างชาติไหลออกจนน่าเป็นกังวล
ด้าน นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่าเศรษฐกิจใกล้จะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยมองการขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 จีดีพียังขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ความผันผวนในตลาดการเงินจากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เกิดการโยกย้ายสินทรัพย์ออกจากตลาดเกิดใหม่ รวมถึงตลาดไทย และการอ่อนค่าของเงินบาท