xs
xsm
sm
md
lg

ที่สำคัญคือเวลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดยวรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง

ในการกำหนดเป้าหมายทางการเงิน เมื่อเรารู้ว่าต้องการเงินไปทำอะไร จำนวนเท่าไหร่ เท่านั้นยังไม่พอ สิ่งสำคัญที่สุดที่ขาดหายไปก็คือ “ระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้” หรือพูดง่ายๆ ก็คืออีกนานเท่าใดเราถึงจะใช้เงินนั้นๆ

ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะมันคือระยะเวลาในการลงทุนได้นั่นเอง ซึ่งเวลาเป็นเงื่อนไขที่ผูกพันกับความเสี่ยง

อย่างคนหนุ่มสาวที่อายุยังน้อย รับความเสี่ยงได้สูง ชอบเล่นหุ้น ตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงินไว้ดาวน์คอนโดมิเนียมอีก 6 เดือนข้างหน้า เลยเอาเงินทั้งหมดที่จะดาวน์ไปลงทุนในหุ้นเพราะเก็งไว้ว่าดัชนีตลาดฯ จะทยานไปได้อีก ก็เลยมั่นใจเอาเงินที่จะดาวน์คอนโดฯ ในอีก 6 เดือนข้างหน้าไปลงทุนในหุ้น

จะเก่งแค่ไหน ก็ไม่ควรนำเงินที่จะต้องใช้ดาวน์คอนโดฯ ใน 6 เดือนข้างหน้าไปลงทุนในหุ้น เพราะในระยะสั้นมันมีความไม่แน่นอน เสี่ยงเกินไป

ไม่มีสูตรตายตัวว่าจะต้องลงทุนได้นานแค่ไหนถึงควรจะมีหุ้นไว้ในพอร์ต โดยทั่วไปเขาจะบอกกันว่าถ้ามีเวลาลงทุนที่ยาวขึ้นก็จะลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นได้ในสัดส่วนที่มากขึ้น แต่เราก็ต้องดูเรื่องอื่นๆ ประกอบไปด้วย เช่น เราแต่ละคนรับความเสี่ยงได้แค่ไหน อย่างบางคนเข้าใจแล้วเรื่องความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้น บอกว่ารับได้ ไม่มีปัญหา ผ่านไปแค่ 3 วันราคาหุ้น ราคากองทุนตก เกิดอาการแพนิก รับไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่เหมาะกับการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้นหรืออะไรอื่นที่มีความเสี่ยงสูงเลย เพราะเราไม่มีความสามารถในการรับความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนในระยะสั้น

ระยะเวลาการลงทุนอาจแบ่งได้เป็น 3 ช่วง คือ ระยะสั้น (0-3 ปี) ระยะกลาง (3-7 ปี) และระยะยาว (7 ปีขึ้นไป)

การลงทุนระยะสั้น ต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุนในหุ้นให้มาก เพราะหากเกิดปัญหาจะไม่มีเวลาให้แก้ตัว ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง และมีปัจจัยทั้งในประเทศและนอกประเทศมาเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นมากมายที่ส่งผลให้ราคาหุ้นและดัชนีฯ เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วมาก และบางครั้งหุ้นก็ขึ้นลงโดยไม่มีเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์ มีแต่ไสยศาสตร์

ระยะเวลา 3 ปีนั้นหลายๆ คนอาจคิดว่ายาวเกินพอที่จะลงทุนในหุ้น แต่อย่าลืมว่าเราจะมีเวลาลงทุนไป 3 ปีไม่ตลอด เพราะเมื่อผ่านไป 1 ปีเวลาสำหรับลงทุนจะเหลือแค่ 2 ปี เมื่อผ่านไป 2 ปีก็เหลือเวลาลงทุนแค่ปีเดียว ระยะกลางก็เช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปเวลาย่อมลดลง เพราะเวลาไม่ใช่สิ่งตายตัว การลงทุนระยะกลางหรือระยะยาว พอเวลาผ่านไป สักวันหนึ่งก็จะกลายเป็นการลงทุนระยะสั้นที่ไม่ควรอยู่ในหุ้นได้มากๆ อีกต่อไป

ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป เวลาลงทุนเหลือน้อยลงจึงต้องมีการปรับพอร์ตใหม่ ลดสัดส่วนหุ้นและกองทุนหุ้นลงเมื่อเวลาลงทุนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

สำหรับพอร์ตระยะยาว 7 ปีขึ้นไปนั้น ด้วยระยะเวลาที่นานพอ ความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้นๆ จากการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ราคามีความผันผวนมากๆ อย่างทองคำ จะลดลงไปได้ไม่น้อย

ราคาหุ้นในตลาดแต่ละวัน แต่ละเดือนจะถูกกระทบด้วยปัจจัยต่างๆ มากมาย ทั้งความต้องการซื้อ ความต้องการขาย ข่าวลือ ข่าวจริง อารมณ์ ความกลัว ความโลภ ไสยศาสตร์ ฯลฯ ดังนั้น การคาดเดาราคาในระยะสั้นจึงทำได้ยาก การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิคเป็นเพียงเครื่องมือช่วย มันอาจจะถูกหรือผิดก็ได้

แต่หากมีระยะเวลาลงทุนนานๆ ราคาหุ้นในทุกตลาดหุ้นล้วนจะสะท้อนกลับมาสู่ความเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้นๆ โดยผลกำไรของกิจการที่ประกาศ เงินปันผลที่จ่ายจะทำให้ราคาหุ้นนั้นๆ กลับมาสู่ความเป็นจริง ไม่ใช่ไปแขวนอยู่กับอารมณ์เหมือนกับในระยะสั้น ไม่อย่างนั้นบรรดากูรูทั้งหลายที่เป็นเทพแห่งการลงทุนฝั่งตะวันตกเขาคงไม่พูดแบบนี้หรอก

สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุที่ว่า ทำไมพอร์ตการลงทุนในหุ้นจึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาวมากกว่าระยะสั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น