ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในไตรมาส 3/58 โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาท ด้านผู้บริหารเผยลุยเปิดโครงการใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ โครงการ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท หวังกระตุ้นยอดขายสิ้นปีแตะ 5,500 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ 5,300 ล้านบาท พร้อมเดินสายขายโครงการคอนโดมิเนียมต่างประเทศ คาดสัดส่วนรายได้ลูกค้าต่างประเทศโต 20% ในปีหน้า จากเดิม 10%
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในไตรมาส 3/2558 นี้ โดยจะขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายโครงการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการอยู่ในมือ 27 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จํานวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 8,065 ล้านบาท และโครงการในอนาคตอีกจํานวน 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,270 ล้านบาท และยอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ จำนวน 5,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2558-2559
ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่ม คือ โครงการ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา เป็นคอนโดมิเนียม 35 ชั้น มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายโครงการดังกล่าวได้ในไตรมาส 3/2558 โดยโครงการดังกล่าวได้รับวงเงินสินเชื่อจากธนาคารยูโอบีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนโครงการไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ ติดถนนพหลโยธิน และสถานีรถไฟฟ้า BTS สายหยุด เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 15 ชั้น มูลค่า 1,340 ล้านบาท ปัจจุบัน มีการเปิดขายอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 80% ของมูลค่าโครงการ และคาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 3/2560
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ว่า แนวโน้มธุรกิจมีการเติบโตที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ในระดับ 3%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้ากระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะยอดขายในส่วนของกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศ ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ บริษัทฯ จะเดินสายนำเสนอข้อมูลของโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ทั้งแบบอาคาร Low Rise และอาคาร High Rise ที่ประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และจีน โดยตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศในปี 2559 เพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 10%
สําหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวม 192.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 28.6 ล้านบาท ปี 2556 มีรายได้รวม 418.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 64.2 ล้านบาท และปี 2557 มีรายได้ 559.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 70.3 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (2555-2557) โดยมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 69.79% ขณะที่ผลการดำเนินการในไตรมาสแรกยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีคุณภาพของบริษัทฯ ที่รายได้ 489.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 105.3 ล้านบาท เพียงไตรมาสเดียวเติบโตอย่างมีคุณภาพเมื่อเทียบกับปีที่แล้วทั้งปี