xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง ASEFA จ่อขาย IPO กว่า 150 ล้านหุ้น ใน SET ไตรมาส 3 ปีนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายไพบูลย์  อังคณากรกุล  นายไพบูลย์  อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA
ASEFA ประกาศแต่งตั้ง บล.ฟินันเซียไซรัส เป็นแกนนำอันเดอร์ไรต์ เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ 150 ล้านหุ้น พร้อมเข้าจดทะเบียนใน SET หวังระดมทุนไปใช้ขยายโรงงาน และสาขาในต่างจังหวัด ชำระคืนเงินกู้ และเงินทุนหมุนเวียน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ชี้เป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้ร่วมเป็นเจ้าของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าในประเทศไทย อนาคตสดใส สามารถเติบโตได้อีกมาก เผย ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว คาดเข้าจดทะเบียนใน SET ช่วงไตรมาส 3/2558 นี้

นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA ผู้ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่าย และติดตั้งผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า รางและบันไดพาดสายไฟฟ้า โคมไฟและระบบส่องสว่าง งานบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และงานบริการหลังการขายครบวงจร กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมในการเตรียมตัวเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร โดยได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ซึ่งจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยแบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน จำนวน 140 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.45 และเป็นการเสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 10 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 1.82 สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายโรงงาน และจัดตั้งสาขาในต่างจังหวัด ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

“บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนใน SET โดย ASEFA เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าที่ได้รับมาตรฐานสากลภายใต้แบรนด์ ASEFA และได้รับลิขสิทธิ์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก จาก Schneider และ Socomec นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ระบบกระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า เช่น รางและบันไดพาดสายไฟฟ้า และโคมไฟส่องสว่างภายใต้เครื่องหมายการค้า ALUMAR ซึ่ง ASEFA มุ่งมั่นพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร เพื่อรองรับการเติบโตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีแผนขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนโลหะเพิ่มเป็น 8,400 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 4,800 ตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2559 เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดในอนาคต รวมทั้งมีแผนจัดตั้งสาขา จำนวน 10 สาขา ในหัวเมืองต่างจังหวัด เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งการเปิด AEC ซึ่งการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด จะช่วยเพิ่มช่องทางในการขาย และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยจะเริ่มตั้งสำนักงานสาขาตั้งแต่กลางปี 2558 และครอบคลุมทุกภาคในปี 2559”

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม จำนวน 2,072.89 ล้านบาทในปี 2555 จำนวน 2,126.23 ล้านบาท ในปี 2556 และจำนวน 1,704.19 ล้านบาทในปี 2557 โดยรายได้ของบริษัทฯ ในปี 2557 แบ่งเป็น 3 กลุ่มได้แก่ 1.รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิต และจำหน่าย ได้แก่ สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า รางและบันไดพาดสายไฟฟ้า และโคมไฟส่องสว่าง เป็นต้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 67 2.รายได้จากการขายอุปกรณ์ไฟฟ้าที่บริษัทฯ ซื้อมาเพื่อจำหน่ายต่อ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 17 และ 3.รายได้จากงานบริการ ได้แก่ งานบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องและงานบริการหลังการขาย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 15 ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ

ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า ASEFA เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุน เนื่องจาก ASEFA ถือเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าในประเทศไทย ยังได้สิทธิในการผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าจาก Schneider มากที่สุดในอาเซียน รวมทั้งยังสามารถผลิตและจัดหาอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อระบบไฟฟ้า ถือเป็น One Stop Service สำหรับลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมากในอนาคต จากการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ธุรกิจพลังงาน และศูนย์จัดเก็บข้อมูล ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยสำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งไฟลิ่งของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2558 คาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 3 ปีนี้

ทั้งนี้ ณ วันที่ 18 มี.ค.2558 บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน จำนวน 550 ล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว จำนวน 400 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 550 ล้านบาท โดยมีกลุ่มอังคณากรกุล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ถือหุ้นสัดส่วนรวมทั้งสิ้นร้อยละ 55.54 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว และลดลงเป็นร้อยละ 40.39 ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO


กำลังโหลดความคิดเห็น