ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้แนวโน้ม GDP ประเทศไทยอาจปรับตัวลดลงอีก เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมส่งออกที่เป็นตัวชี้วัดหลักยังหด อีกทั้งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หวังอุตฯ ท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐช่วยหนุน ส่วนโบรกฯ แนะอย่าชะล่าใจ หุ้นไทยอาจแกว่งตัวลงอีก ให้ระวังแรงเทขาย
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. กล่าวว่า สศค.เตรียมปรับลดประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือ GDP ของประเทศไทยลงในปีนี้หลังจากการประเมินจากตัวชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของไทยที่สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงไม่ฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งคาดว่าภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมส่งออก จะได้รับผลกระทบมากที่สุด และเป็นตัวชี้วัดหลักในการคำนวน GDP โดยการปรับเป้าประมาณการ GDP ใหม่ที่จะประกาศออกมาในเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่า จะปรับลดลงหลังจากที่เดือนเมษายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.7% และปรับลดลงจากประมาณการครั้งก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 3.9% เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าปรับตัวลดลง ทำให้คาดการณ์การส่งออกจะขยายตัวได้เพียง 0.2% จากเดิม 1.4%
ขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเป็นฟันเฟืองหลักที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และผลักดันให้ GDP ไทยปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ กลุ่มอุตฯ ท่องเที่ยว และนโยบายเศรษฐกิจกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ แต่ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับภาคการส่งออกได้ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยหลักต่อการปรับตัวขึ้นของ GDP ในประเทศ
“สศค.ประเมินว่า อุตฯ กลุ่มท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ จะเข้ามามีบทบาทสามารถทดแทนในส่วนของอุตฯ กลุ่มส่งออกที่หายไปได้ในระดับหนึ่ง เพราะนอกจากการลงทุนในปีงบประมาณนี้ที่คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายได้สูงสุดมากถึง 70% ของวงเงินลงทุนทั้งหมด ขณะที่กรมบัญชีกลางคาดว่า จะทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ 87% ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน ขณะที่ประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองคืองบลงทุนในปีงบประมาณ 2559 ซึ่งจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ ต้องติดตามว่าจะเบิกจ่ายได้เท่าไหร่และทันทีหรือไม่ โดยเฉพาะนโยบายโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเร่งดำเนินการอยู่”
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวไว้ในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ มีการปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งช่วงเช้า โดยคาดว่าจะมาจากแรงซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น แต่ทั้งนี้ นักลงทุนควรระมัดระวังแรงขายที่จะมีออกมาอาจทำให้ดัชนี SET INDEX ปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ยังออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อแนวโน้มการขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจากเฟดเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ รวมทั้งประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้แนวโน้มที่จะเห็นตลาดหุ้นไทยอาจจะแกว่งตัวลงต่อเนื่องได้อีก
ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนรอซื้อเมื่อดัชนี SET INDEX ปรับตัวลดลงต่ำกว่านี้โดยอยู่ในกรอบดัชนีแนวรับแนวต้านที่ 1,490-1,501 จุด