บลจ.เมย์แบงก์มองตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังน่าลงทุน ขณะที่หุ้นไทยตอนนี้เริ่มไม่แพง หุ้นกลุ่มพลังงาน เทคโนโลยี น่าสนใจ มองดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,620-1,650 จุด ล่าสุดส่ง “กองทุน โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (M-GARS)” เน้นสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว
นายตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมย์แบงก์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในต่างประเทศน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นในขณะนี้ถือว่าแพงในหลายตลาด มีเพียงตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มองว่ายังไปต่อได้เพราะเศรษฐกิจมีการเติบโตที่ชัดเจน การส่งออกเติบโตและยังมีมาตรการอัดฉีดเงินเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งตลาดมีอัปไซด์อีกประมาณ 0.8% และคาดว่าในปีนี้การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนน่าจะอยู่ที่ 10%
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น มองว่ายังคงมีความเสี่ยงในด้านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีการปรับตัวลดลงตามเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของคนไทยเริ่มลดลง ประกอบกับเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งสะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐในการลงทุนต่างๆ ยังมีความล่าช้าและเริ่มมองกันว่าไม่น่าจะออกมาในช่วงไตรมาส 3 อย่างที่คาดการณ์ จึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทยได้ แต่จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้นน่าจะทำให้การส่งออกของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้บ้าง จึงดาวน์ไซด์ของหุ้นไทยแย่สุดที่ระดับ 1,450 จุด และมองแนวโน้มหุ้นไทยทั้งปีที่ระดับ 1,620-1,650 จุด
“ดังนั้น เมื่อมองที่ระดับราคาแล้ว มองว่าหุ้นไทยน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในโลก รองลงมาคือ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่ โดยตลาดหุ้นไทย ในช่วงสั้นๆ นี้กลุ่มสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์”
นายตรีพล กล่าวต่อว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเมย์แบงก์ โกลบอล แอบโซลูท รีเทิร์น (Maybank Global Absolute Return Strategy Fund : M-GARS) มูลค่า 1,000 ล้านบาท เน้นกลุ่มนักลงทุนมีความสนใจลงทุนในต่างประเทศ โดยกองทุนจะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และควบคุมความผันผวนไม่เกิน 4-8% เสนอขายระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม-3 มิถุนายน 2558 เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาทต่อราย
“สินทรัพย์ที่ลงทุนจะกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในพอร์ต ขณะเดียวกันจะไม่ปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้มองว่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อไป ซึ่งก็เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกของไทยด้วยเช่นกัน โดยพอร์ตการลงทุนในลักษณะนี้เป็นพอร์ตการลงทุนในระยะยาวสำหรับการเกษียณ และป้องกันความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจด้วย”