xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กสิกรไทยในมือ “วศิน” ก้าวย่างสู่ “บูรณาการดิจิตอล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกือบจะเรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาสำหรับ บลจ.กสิกรไทย เจ้าของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารสูงสุดในอุตสาหกรรมกองทุน (1.1 ล้านล้านบาท) กับตำแหน่งจอมทัพหลักขององค์กร และล่าสุดถึงคิวของ“วศิน วณิชย์วรนันต์”ซึ่งได้รับหน้าที่เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2558

สำหรับ “วศิน วณิชย์วรนันต์” ในวัย 48 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโท Master of Business Administration สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ และประกาศนียบัตร Chartered Financial Analyst (CFA) Institute สหรัฐอเมริกา และเริ่มทำงานที่ Peregine Finance & Securities บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เอส.ซี.เอฟ. จำกัด (มหาชน) และเข้าทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยเมื่อปี 2546 ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสหบรรษัทธนกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสหบรรษัทธนกิจ และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ

นอกจากนี้ “วศิน” ยังถือเป็น 1 ใน 10 ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของธนาคารกสิกรไทยในปี 2552 ในตำแหน่งผู้บริหารสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัท ซึ่งเป็นตำแหน่งก่อนหน้าที่จะเข้ารับหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด

เป็นประวัติคร่าวๆ ก่อนที่ทีมงาน ASTVผู้จัดการรายวันจะได้พูดคุยกับจอมทัพใหม่ถอดด้ามท่านนี้ภายหลังจากที่เริ่มทำงานได้เกือบ 1 ไตรมาสว่า จะขับเคลื่อนองค์กรเบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรมกองทุนต่อไปอย่างไร และมองภาพรวมของธุรกิจกองทุนเป็นอย่างไร

วศินบอกว่า สำหรับตนเองแล้วการบริหารสินทรัพย์โดยเฉพาะกองทุนนั้นมีโอกาสเติบโตได้สูงเนื่องจากศักยภาพของประเทศ และเศรษฐกิจของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนไทยในปัจจุบันไม่สามารถพึ่งเงินฝากได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

“การฝากประจำในอดีตมันสูงถึง 10% กว่าๆ ซึ่งชนะเงินเฟ้อได้สบาย แต่มาดูดอกเบี้ยเงินฝากประจำปัจจุันแล้วมันก็แค่สูสีกับเงินเฟ้อ และน่าจะเป็นแบบนี้ไปในระยะกลางถึงยาว จากสภาพเศรษฐกิจโลกและประเทศไทยที่มันอยู่แบบนี้ เพราะฉะนั้นการลงทุนผ่านกองทุนหรือผ่านตราสารทางการเงินแบบอื่นจึงเป็นทางเลือกที่มากขึ้นสำหรับผู้ลงทุน แต่กองทุนจะดีต่อผู้ลงทุนที่ขยับจากเงินฝากขึ้นมามากกว่าตราสารอื่นๆ เพราะกองทุนมีผู้เชี่ยวชาญในการดูแลการลงทุนเพียงแต่ผู้ลงทุนจะต้องรู้ตัวเองก่อนว่าสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับไหน สภาวะครอบครัวเป็นแบบไหน และเป้าหมายการลงทุนเพื่ออะไร และนั่นคือสิ่งที่น่าจะเกิด”

สรุปแล้วคือยังมีโอกาสในการเติบโตอยู่อีกมาก?

60% ขณะนี้เป็นนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ใช้ประโยชน์จากการประหยัดภาษี แต่การออมที่เป็นรูปธรรมเองก็น่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่มีฐานะปานกลางขึ้นไปที่รู้จักเรื่องกองทุน แต่ทางเลือกยังมีจำกัด ซึ่งผมคิดว่าพวกนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้กองทุนรวมเติบโตได้ สรุปแล้วตลาดยังมีเนื้อให้ไปเจาะไปเพิ่ม และลักษณะของกองทุนก็ยังมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นไปได้อีก

อุตสาหกรรมกองทุนจะพัฒนาได้ในระดับไหน และมีโอาสที่จะเติบโตขึ้นไปเหมือนประเทศพัฒนาแล้วหรือไม่?

มองจากตลาดในขณะนี้เป็นตัวอย่าง การพัฒนาการมันเร็วมาก ซึ่งสมัยก่อนกองทุนไม่เคยออกไปต่างประเทศเลย แต่กสิกรไทยฯ เริ่มมีกองต่างประเทศตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว และปัจจุบันกองต่างประเทศที่มีไซส์ใหญ่สุดเป็นระดับแสนล้านบาท แสดงว่าคนไทยเริ่มเข้าใจ แต่การลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าคนไทยยังขยับเข้าไปลงทุนได้มากขึ้น

“กองทุนเรายังไม่ซับซ้อนมาก ความซับซ้อนเพิ่งเข้ามาใน 3 ปีที่ผ่านมา หลายๆ ที่ก็เข้าใจเหมือนกับเรา และนี่เป็นการพัฒนาการ และการพัฒนาตรงนี้ก็จะไปพร้อมกับผู้ลงทุนด้วย แต่ตอนนี้มันยังเป็นการซับซ้อนและรับรู้กันในระดับบน แต่เชื่อว่าสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 5-7 ปีเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์ที่ว่าจะทำอย่างไรให้นักลงทุนหน้าใหม่เหล่านี้เข้าใจ ความยากในการเลือกมีอยู่ และทำให้เข้าใจได้ง่ายและเหมาะกับนักลงทุนกลุ่มนี้”

การเข้าถึงในตอนนี้เราก็เห็นโจทย์คือถ้าเป็นลูกค้าที่มีพอร์ตขนาดใหญ่เราจะตรงเข้าไปหาได้เลย แต่สำหรับลูกค้าระดับกลางซึ่งเป็นคนส่วนมากเราไม่มีข้อมูลหมด เขาจะต้องเดินเข้ามาเองซึ่งเป็นข้อจำกัดของคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้

แล้วข้อจำกัดที่เห็นอยู่เตรียมกลยุทธ์หรือแผนในการแก้ไหม

วศินบอกต่อว่า บริษัทของเราตอนนี้เรียกว่าฟันด์ซูเปอร์มาร์เกตได้แล้วนะเพราะเรามีถึง 200 กอง เพราะฉะนั้นในระยะถัดไปของกลยุทธ์ของเราคือวางให้คนข้างในของเราทำอย่างไรให้สื่อกับคนข้างนอกได้ ซึ่งเราจะทำด้วยกัน 3 เรื่องที่น่าจะทำให้เราสามารถสื่อสารออกไปได้

“การสื่อสารมิติแรกของเราก็คือ การเชื่อมต่อเข้าหาผู้ลงทุนได้ง่ายขึ้น เหมือนเราดูกลุ่มคนรายได้ปานกลางที่มีเนื้อให้เจาะอยู่ แล้วเราจะทำอย่างไรได้บ้าง และการสื่อสารอีกมิติคือ เมื่อเขาเข้ามาหาแล้วเราจะช่วยเขาบริหารจัดการความมั่งคั่งหรือบริหารจัดการการลงทุนให้เขาได้ เช่นเมื่อมีคนเดินเข้ามาลงทุนกับ บลจ.กสิกรไทย แล้วเรามีกองทุนหลากหลายจะต้องบอกอย่างไรว่าคุณจะสามารถปรับพอร์ตหรือวางพอร์ตการลงทุนได้อย่างไรบ้าง นี่คือการสื่อสารช่วยเสริมให้เกิดการบริหารจัดการด้านความมั่้งคั่งได้ดียิ่งขึ้น และนี่คือการสื่อสารในมิติแรก”

สำหรับข้อสอง เขาเรียกว่าการแนะนำ ซึ่งอย่างที่บอกเมื่อเขาเดินเข้ามาแล้วเราเห็นพอร์ตของเขา อายุความเสี่ยง สถานะครอบครัว และเป้าหมายในชีวิต เราจะแนะนำจัดพอร์ตให้ได้อย่างไร ซึ่งตอนนี้เราสามารถทำได้แล้วคือการเชื่อมไปในโปรแกรม K-expert และคอลเซ็นเตอร์ ลักษณะต่อไปคือเราจะทำอย่างไรให้สามารถผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต และมือถือได้ ต่อยอดจากตรงนี้ เป้าตรงนี้จะเป็นระยะกลางที่เราจะทำ

ส่วนเป้าสุดท้ายคือการลงทุน อย่างตอนนี้คือเราบอกอยากไปต่างประเทศ แต่จะต้องเป็นการลงทุนเองคือทำอย่างไรให้ครบ ทั้งแอ็กทีฟ และพาสซีฟฟันด์ เพื่อให้ครบตามความต้องการของผู้ลงทุน

“พอเรามาขมวดตรงนี้ด้วยกันเราจะเห็นโลกตรงนี้คล้ายโซเชียลมีเดีย เหมือนตอนโหลดเพลงจากไอทูนส์ มันก็จะเริ่มรู้แล้วว่าเราชอบเพลงแนวไหน แล้วเราจะแนะนำให้เขาได้ นั่นคือเป็นการต่อยอดจากที่ บลจ.เป็นฟันด์ซูเปอร์สมาร์ทอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเป้าที่วางเอาไว้ประมาณ 3-5 ปีที่จะเป็นระบบที่สมบูรณ์ ซึ่งจะสอดคล้องกับธนาคารกสิกรไทยที่จะเป็นทรานเซกชันแบงก์หรือดิจิตอลแบงก์ ตรงนี้น่าจะเป็นภาพที่บูรณาการจริงที่เราจะสามารถเชื่อมต่อได้”

แบงก์เนี่ยไม่น่ามีปัญหาในการเข้าถึงโดยคนเพราะกสิกรไทยมีสาขาเป็นพันสาขา และเรามีเครือของกสิกรไทยที่มีประสิทธิภาพต่อขนาดในการทำธุรกิจอยู่แล้ว เรื่องของการเข้าถึงโดยคนไม่มีปัญหาแล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นโลกของโซเชียลมีเดียเข้ามา เราจะทำอย่างไรให้ภาพที่เป็นระบบปัจจุบันกับระบบดิจิตอลไปด้วยกันได้ เป็นโจทย์ที่เชื่อว่าโลกของ บลจ.จะต้องก้าวเข้าไปเช่นกัน เป้าหมายนี้ยังต้องใช้เวลา แต่เบื่้องต้นเราจะต้องทำผลงานการบริหารกองทุนให้ดีด้วย เราต้องทำให้มีความหลากหลายของโปรดักต์ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องทำก่อน เพราะในส่วนเรื่องการพัฒนาระบบและการบูรณาการมันต้องใช้เวลาอีกนานต่อจากนี้ แต่อย่างน้อยเชื่อว่าจะได้เห็นบทบาทของช่องทางดิจิตอลอย่างแน่นอน บูรณาการจริงๆ คงต้อง 3-5 ปีประมาณนี้

อยากรู้ว่าอุปสรรคของกองทุนรวมปัจจุบันมันคืออะไร

พวกนี้มันเหมือนช่วงเปลี่ยนยุค ตราสารทางการเงินต่างๆ เงินฝากหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับความเชื่อถือ ซึ่งการเชื่อถือจะต้องใช้การสะสมอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ค่อนข้างจะยาวนาน มันจะเปลี่ยนชั่วข้ามคืนเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้ที่เราเห็นคือเราคงต้องให้ความรู้ในทุกโอกาสที่เราจะทำได้ และด้วยสื่อปัจจุบันที่มีสื่อต่างๆ ก็มีส่วนเชื่อมให้คนเริ่มเข้าถึงข้อมูลเองได้ นอกจากตัวบริษัทจัดการลงทุนที่จะวิ่งเข้าไปหาลูกค้า ที่เหลือคือการปรับตัวของสภาวะของผู้ลงทุนเองแล้ว แต่ด้วยโซเชียลมีเดียมันจะง่ายกว่าสมัยก่อนมาก และข้อมูลจะเยอะกว่า แต่เชื่อว่าจะทำให้การเติบโตของกองทุนรวมได้ดีกว่าในอดีตที่มีสื่ออยู่อย่างจำกัด

สรุปแล้วการสื่อสาร ความเข้าใจ เครื่องมือทางการลงทุน ผลงาน ถือเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของ “วศิน” จอมทัพยุคดิจิตอลที่ต้องยอมรับว่ามีวิสัยทัศน์ที่กว้างและทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบัน แต่คงจะต้องติดตามฝีไม้ลายมือกันต่อไปว่าจะต่อสู้เพื่อส่งสารถึงนักลงทุนกลุ่มใหญ่ผ่านช่องทางดิจิตอลได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผู้บริหารท่านนี้ยืนยันว่าการทำธุรกิจของเขาไม่ใช่แค่การขยายตลาดเท่านั้น

“โจทย์ของเราคือการขยายตลาดก็ใช่ แต่เราก็มีโจทย์ด้วยว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าของเราเมื่อเข้ามาแล้วอยู่กับเราแล้วจะอยู่ไปตลอดช่วงชีวิตของเขา ในทุกๆ ช่วงเวลา”


กำลังโหลดความคิดเห็น