xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยมอง กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 1.75% จนถึง Q3 ของปีนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยมอง กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 1.75% จนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แนะชิงล็อกผลตอบแทน 6 เดือน-1 ปี ดักโอกาสช่วงดอกเบี้ยขาลงเตรียมเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ 5 กองทุนรวด พร้อมคว้าตราสารหนี้ต่างประเทศช่วยอัปผลตอบแทนสูง 2.00- .50% ต่อปี

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 2.00% มาอยู่ที่ 1.75% จากการประชุมของ กนง.ในวันที่ 11 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของตลาดส่วนใหญ่ซึ่งมองว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ สาเหตุเนื่องมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งอ่อนแรงกว่าที่ประเมินไว้

ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐอาจต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ดังกล่าว ส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวลดลง โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่มาก แต่ยังคงต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ บลจ.กสิกรไทยจึงขอแนะนำทางเลือกในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงนี้ ด้วยการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนเอาไว้ก่อน เนื่องจากมองว่า กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงสิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว

โดยระหว่างวันที่ 17-23 มีนาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศจำนวน 4 กองทุน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายสำหรับผู้ลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนที่แตกต่างกันและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้แตกต่างกัน โดยแบ่งกองทุนออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรกคือ กลุ่มกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่เพิ่มโอกาสการได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงในสัดส่วนที่มากกว่ากองทุนอื่นๆ ในประเภทเดียวกัน หมายความว่าอาจจะมีความเสี่ยงโดยเปรียบเทียบแล้วสูงกว่า

ได้แก่ กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน วี (KEFF3MV) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.25% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอดับบลิว (KEFF6MAW) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอเอช (KEFF1YAH) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.50% ต่อปี และกลุ่มที่สองคือ กลุ่มกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเจ (KFF6MBJ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี

นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยยังเสนอทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก โดยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีเอ็กซ์ (KPPTF3MDX) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารภายในประเทศ ซึ่งประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.60% ต่อปี และลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น