โดย วรินทร์ สุรพลชัย CFP®
สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
การวางแผนการเงินเพื่อให้เกิดความมั่นคงในชีวิต และสามารถยกระดับฐานะของตนเองได้นั้นสามารถทำได้อย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มี 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. เขียนเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการลงบนกระดาษ 2. เลือกพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย 3. ทยอยออมเงินเข้าพอร์ตการลงทุนทุกๆ เดือนให้ได้ตามแผน
เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการนั้น ควรระบุจำนวนเงินที่ต้องใช้ และระยะเวลาที่แน่ชัด เช่น เป้าหมายระยะสั้น ต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยงบประมาณ 7 หมื่นบาทในเดือนธันวาคมปีนี้ หรือเป้าหมายระยะยาว ต้องการส่งลูกไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2 ล้านบาทในอีก 7 ปีข้างหน้า เป็นต้น เมื่อเขียนเป้าหมายที่ต้องการได้ครบทั้งหมดแล้ว ก็สามารถวางแผนเก็บออมเงินเอาไว้ในพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมทั้งในด้านความเสี่ยง และผลตอบแทนสำหรับแต่ละเป้าหมายได้
การจัดพอร์ตการลงทุนแบบง่ายๆ สามารถใช้กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น กับกองทุนรวมหุ้น ผสมกันเป็นพอร์ตการลงทุน แล้วทยอยออมเงินเข้าไปในพอร์ตทุกๆ เดือน อย่างสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน ซึ่งกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นกองทุนรวมความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำทั่วๆ ไป โดยให้ผลตอบแทนประมาณ 2-3% ต่อปี ส่วนกองทุนรวมหุ้น ขอแนะนำเป็นกองทุนรวมดัชนีหุ้นไทย ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวประมาณ 10-11% ต่อปี การจัดพอร์ตการลงทุนจะเป็นการนำ 2 กองทุนนี้มาผสมกันในสัดส่วนต่างๆ โดยแบ่งง่ายๆ เป็นพอร์ต 4 แบบ ได้แก่
1. พอร์ตตราสารหนี้ระยะสั้น พอร์ตลงทุนแบบนี้จะไม่มีสัดส่วนของกองทุนรวมหุ้นผสมอยู่เลย เนื่องจากการลงทุนระยะสั้นไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง พอร์ตรูปแบบนี้แนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเหมาะสำหรับการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายระยะสั้นๆ ไม่เกิน 1-2 ปี ผลตอบแทนมักจะอยู่ในช่วง 2-3% ต่อปี
2. พอร์ตกองทุนหุ้น 1/4 เหมาะสำหรับการเก็บเงินเพื่อใช้ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยจัดพอร์ตให้มีสัดส่วนการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น 25% และส่วนที่เหลือให้นำไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ผลตอบแทนระยะยาวมักจะอยู่ในช่วงประมาณ 4-5% ต่อปี
3. พอร์ตกองทุนหุ้น 2/4 เหมาะสำหรับการเก็บเงินเพื่อใช้ในช่วง 6-9 ปีข้างหน้า โดยแบ่งเงินครึ่งหนึ่ง (50%) ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และอีกครึ่งลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ผลตอบแทนระยะยาวมีโอกาสได้ประมาณ 6-7% ต่อปี
4. พอร์ตกองทุนหุ้น 3/4 เหมาะสำหรับการเก็บเงินเพื่อใช้ในช่วงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เช่น การเก็บเงินเพื่อใช้หลังเกษียณอายุ แนะนำให้แบ่งเงิน 75% ของจำนวนเงินลงทุนทั้งหมดมาลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และส่วนที่เหลือลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ผลตอบแทนระยะยาวของพอร์ตนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วงประมาณ 8-9% ต่อปี
เมื่อเราเลือกพอร์ตการลงทุนได้เหมาะสมกับเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็ให้คำนวณเงินออมต่อเดือน ว่าควรเก็บออมเดือนละเท่าไรจึงจะได้เงินตามเป้าหมาย
โดยการลงทุนให้ได้เงิน 1 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเท่าไร โดยควรใช้พอร์ตลงทุนแบบไหนนั้น สามารถสรุปออกมาได้ตามตารางด้านล่างนี้ หากเป้าหมายคือ 1 แสนบาท ก็ให้นำ 0.1 คูณ ถ้าเป็น 10 ล้านบาท ก็ใช้คูณ 10
เมื่อทำการวางแผนการเงินครบทั้ง 3 ขั้นตอนแล้ว ควรตรวจสอบและจัดสรรสัดส่วนกองทุนรวมหุ้นและกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นที่อาจเพี้ยนไป อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมทั้งควรออมเงินอย่างสม่ำเสมอให้ได้ตามแผนทุกๆ เดือน จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
สามารถศึกษาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th/yourfirststock