บลจ.กสิกรไทยส่งกองทุนตราสารหนี้ 3 กองทุนใหม่ ทั้งช่วงอายุ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี รับช่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำ ชูอัตราผลตอบแทนสูงสุด 2.70% ต่อปี เปิดเสนอขาย 24 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2558
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์-2 มีนาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน เอ็น (KEFI3MN) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 6 เดือน ไอ (KEFI6MI) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.50% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอเอฟ (KEFF1YAF) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน เอ็น (KEFI3MN) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วย เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 6 เดือน ไอ (KEFI6MI) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี เอเอฟ (KEFF1YAF) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก PT Bank Rakyat Indonesia (Persero) Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย ตราสารหนี้ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ และตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
ด้านมุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ นายชัชชัยกล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเติบโตได้ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ รวมถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนได้คาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ด้านสถานการณ์ตราสารหนี้ต่างประเทศ จากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้เชื่อได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น และส่งผลลบต่อราคาพันธบัตร รวมถึงตราสารหนี้ในภาพรวม ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำถึงปานกลาง ที่มุ่งเน้นรักษาเงินลงทุนให้มีความผันผวนไม่สูงมากนัก จึงอาจเน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุปานกลางถึงยาว เนื่องจากมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าตราสารอายุสั้นๆ หรือสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดระยะเวลา (Fixed Term) โดยเน้นลงทุนในกองทุนอายุตั้งแต่ 6 เดือน-1 ปี เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนไว้ก่อนล่วงหน้า