xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กสิกรไทยแนะลงทุนหุ้นที่เติบโตตามเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทย เผย ตั้งเป้า AUM โต 1.2 ล้านล้าน เน้นธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลเป็นหลัก ชูกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าอย่างครบวงจร พร้อมมองการลงทุนผันผวน จากปัจจัยภายใน/นอกประเทศ แนะลงทุนหุ้นที่เติบโตตามเศรษฐกิจ

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ที่ 1.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 14% โดยในปี 2557 ที่ผ่านมามี AUM อยู่ที่  1,092,180 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 21 โดยเติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 14 จากปี 2556 ซึ่งถือเป็นการครองตำแหน่งผู้นำ บลจ.ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 รวมถึงยังสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั้งในธุรกิจกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึง กองทุน LTF/RMF กองทุนตลาดเงิน และ กองทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศ (FIF) นั้น บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า ร้อยละ 44 หรือคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 93,000 ล้านบาท มีกองทุนต่างประเทศถึง18 กองทุน

โดยการเติบโตในปีนี้ จะเน้นการเติบโตในกองทุนรวมเป็นหลักทั้งกองทุนตราสารหนี้ และกองทุนหุ้นที่ในปีนี้มองว่าเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจและให้ผลตอบแทนที่ดี โดยใช้ 3 กลยุทธ์หลักที่ครอบคลุมทั้งการเข้าถึงลูกค้า(Connecting) ด้วยการให้บริการที่ครบวงจรทั้งผ่านสาขาธนาคารกสิกรไทย ตัวแทนสนับสนุนการขาย และช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ การให้คำแนะนำด้านการลงทุน (Advice) และสุดท้ายคือนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน (Investment) ซึ่งเป็นจุดเด่นของ บลจ.กสิกรไทย ที่มีกองทุนที่มีความหลากหลายอยู่แล้ว และมีศักยภาพที่จะพัฒนากองทุนประเภทใหม่ๆให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนในทุกๆกลุ่ม

"ในปีนี้จะเน้นการเติบโตต่อเนื่องทั้งในกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่จะเข้าไปมองหาลูกค้าในกลุ่มโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย รวมถึงกองทุนส่วนบุคคลที่0tดึงลูกค้ารายใหญ่ที่ยังไม่มีการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคลในการบริหารสินทรัพย์ เข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัทมากขึ้น"

 นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 3โดยอัตราการเติบโตของประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังจะพัฒนาจะเท่ากัน ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง น่าจะคงที่และมีเสถียรภาพ ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือปัญหาความขัดแย้งในยูเครน การเลือกตั้งในยุโรป ที่จะมีต่อเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังมีความผันผวนมากกว่าปีที่ผ่านมา กลยุทธ์การลงทุนของ บลจ.กสิกรไทย จึงเน้นลงทุนในประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีจากนโยบายของธนาคารกลาง และมองว่าการทำ QE ของยุโรปน่าจะมีเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งหุ้นไทยด้วย

"การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้น่าจะโตที่ระดับ 3 % เฟค น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ยุโรปยังมีการเติบโตที่ต่ำ ECB จะเริ่มทำ QE  ด้วยปริมาณเงิน 1.1 ล้านล้านยูโร เพื่อรักษาระดับเงินเฟ้อและกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ญี่ปุ่นธนาคารกลางยังมีการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจส่วนประเทศเกิดใหม่ ที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันจะได้รับผลกระทบจาดราคาน้ำมันที่ต่ำลง"  

สำหรับเศรษฐกิจไทยคาดว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโตได้ถึง 4% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.5% จากราคาน้ำมันที่ปรับลงอย่างมากจะส่งผลบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แม้ว่าภาคการส่งออกจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่แต่น่าจะดีขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณ จะใกล้เคียงกับเป้าหมายมากขึ้นจะเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนได้

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตราสารทุน จากปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ราคาน้ำมันที่ลดลง และสภาพคล่องที่มีสูงจากการดำเนินมาตรการ QE ของธนาคารกลางขนาดใหญ่ แต่ยังมีความผันผวนจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศ   ซึ่งหากมองไปข้างหน้าปัจจัยพื้นฐานทางด้านผลประกอบการของบริษัท และการดำเนินนโยบายของภาครัฐจะเป็นปัจจัยหลักที่สามารถส่งทั้งผลบวกและผลลบต่อราคาหุ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นจึงเน้นลงทุนในกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มรับเหมา กลุ่มขนส่ง กลุ่มสื่อสาร กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับ AEC

"คาดการณ์ว่าดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปลายปี 2558 จะอยู่ที่ประมาณ 1,700 จุด และ แต่หากมีเงินที่มาจากการทำ QE เข้ามาก็อาจทำให้หุ้นไทยขึ้นไปถึงระดับดังกล่าวได้เร็วขึ้น ก็อาจจะอยู่ไม่นานเพราะไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานนี่แท้จริง"

สำหรับแนวโน้มของการลงทุนในตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย คาดว่า ดอกเบี้ยนโยบายและเงินฝากจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ตามอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำจากราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามนโยบายการเงินที่ยังคงอยู่ในลักษณะผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แรงกดดันเงินเฟ้อที่ต่ำและสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงินยังอยู่ในระดับที่มากเพียงพอ น่าจะส่งผลบวกต่ออัตราดอกเบี้ยในปีนี้ คาดว่าดอกเบี้ยน่าจะคงที่ทั้งปี แต่หากมีการปรับลดลงน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัว

อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานที่อาจจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้การเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2558 อาจปรับตัวลดลง ซึ่งมองว่าราคาน้ำมันในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 50 เหรียญฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น