อสังหาฯ ยังชะลอต่อ คอนโดตลาดล่างซัปพลายเยอะแข่งขันสูง ทางรอดรายเล็กเจาะตลาดเฉพาะกลาง-บนเน้นความต่าง ราคาเหมาะสม “สิรยศ”เผยแผนลงทุนต่อปีไม่เกิน 2 โครงการ เน้นโครงการขนาดเล็ก รูปแบบเฉพาะตัวที่รายใหญ่อยากทำ แต่ทำไม่ได้ แจงยอดขายโดว์เช่ อุดมสุข 60% คาดสิ้นปีปิดการขาย
นายวิจาร คุปติพงศ์กุล กรรมการผู้จัดการบริษัท สิรยศ จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ยังชะลอตัวต่อจากไตรมาสแรก โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ประกอบกับซัปพลายสะสมจากช่วง 1-2 ปี ยังมีอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้การแข่งขันในตลาดยังสูง โดยกลุ่มตลาดระดับล่างถือว่ามีการแข่งขันสูงที่สุด ดังนั้น แนวนโยบายในการพัฒนาโครงการของบริษัทจึงเน้นจับกลุ่มตลาดกลาง-บน ซึ่งมีความเฉพาะตัว ต่างจากโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ และเน้นพัฒนาสินค้าที่คุณภาพในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะรูปแบบโครงการที่ผู้ประกอบการรายใหญ่อยากทำแต่ทำไม่ได้
“ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราเน้นการพัฒนาโปรดักต์ที่มีความต่างจากสินค้าในตลาด และไม่พัฒนาสินค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งจะทำให้ตกอยู่ในสงครามราคา ซึ่งจะส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท เพราะรายใหญ่ที่มีขนาดการลงทุนที่ใหญ่กว่าจะได้เปรียบในด้านต้นทุนการพัฒนาโครงการ ทำให้วางราคาสินค้าได้ดีกว่า รายเล็กจึงทำตลาดได้ยาก”
โดยในช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายโครงการ โดว์เช่ อุดมสุข คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 7 ชั้น จำนวน 79 ยูนิต มูลค่า 210 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 2.1 ล้านบาท หรือมีราคาขายเฉลี่ยที่ 85,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะนี้มียอดขายแล้ว 60% หรือ 46 ยูนิต ในจำนวนนี้มีลูกค้าชาวญี่ปุ่นอยู่ 40% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ความก้าวหน้าด้านงานก่อสร้างโครงการดังกล่าวอยู่ที่ 30% คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ปี 59 และดำเนินการโอนให้ลูกค้าในครึ่งหลังของปี 59
“หากไม่สามารถปิดการขายได้ในสิ้นปีนี้บริษัทก็ไม่เร่งรีบในการขายเพราะยอดขายในขณะนี้ถือว่าพ้นช่วงอันตรายแล้ว นอกจากนี้ หากงานก่อสร้างแล้วเสร็จแล้วยังสามารถทำราคาขายได้สูงกว่าในปัจจุบัน”
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะลงทุนพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1-2 ปีนี้ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 1 โครงการต่อปี แต่ไม่เกิน 2 โครงการ หรือมีมูลค่าโครงการรวมไม่เกิน 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากภาวะตลาดเหมาะสมในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า อาจจะมีการขยายการลงทุนให้มากกว่าแผนที่วางไว้ โดยในปัจจุบันบริษัทมีที่ดินสะสมในมือรอพัฒนาแล้ว 2 แปลง และอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อเข้ามาเพิ่มอีก 1-2 แปลง เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีถัดไป
สำหรับโครงการที่ผ่านมาของบริษัทประกอบด้วย โครงการบลูทีค รัชดา 1 และ 2 สำหรับบูลทีค รัชดา 1 เป็นคอนโดโลว์ไรส์ 8 ชั้น มูลค่า 117 ล้านบาท โครงการบลูทีค รัชดา 2 มูลค่า 110 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการเริ่มพัฒนาในปี 50 และปี 51 ขณะนี้โอนหมดแล้ว ส่วนอีกโครงการเป็นโครงการแนวราบ วิลล่า เจ้าพระยา ทาวน์เฮาส์ 131 ยูนิต ซึ่งตั้งอยู่ในย่านศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ปัจจุบันเหลือขาย 1 ยูนิต
“วิลล่า เจ้าพระยา ทำให้บริษัทเปลี่ยนมุมมอง และแนวคิดในการพัฒนาโครงการ โดยหันมาเน้นพัฒนาโครงการในตลาดกลาง-บน รูปแบบเฉพาะตัว โดยวิลล่า เจ้าพระยาเป็นโครงการที่ใช้เวลาขายนานมาก เนื่องจากเป็นที่อยู่อาศัยในพื้นที่แข่งขันสูง ซัปพลายเยอะ รายใหญ่ในพื้นที่มีมาก ทำให้เกิดสงครามราคา บริษัทจึงเสียบเปรียบด้านต้นทุน”