“พฤกษาฯ” เชื่อการเมืองนิ่งรัฐบาล คสช.เอาอยู่ นโยบายลงทุนภาครัฐหนุนเศรษฐกิจโต ความเชื่อมั่นเพิ่มหนุนตลาดอสังหาฯโตกว่า 10% เผยลุยเปิด 70-75 โครงการใหม่ มูลค่าเกือบ 61,000 ล้านบาท ตั้งงบซื้อที่ดิน 14,000 ล้านบาท เป้ายอดขาย-รายได้ 47,000 ล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยว่า ปี 2558 ตลาดอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% โดยมีปัจจัยบวกคือ การลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เริ่มมีความชัดเจน โดยเฉพาะการเพิ่มส่วนต่อขยายของแนวรถไฟฟ้าไปย่านชานเมือง การมีข้อตกลงกับประเทศจีน และอยู่ระหว่างเจรจากับประเทศญี่ปุ่น ในการสร้างรถไฟทางคู่หลายสาย เชื่อมเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค และส่วนกลาง การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะช่วยให้ตลาดที่อยู่อาศัยคึกคักตามไปด้วย
ส่วนปัญหาทางการเมืองที่ล่าสุด ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สนช. ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ด้วยคะแนนเสียง 190-18 งดออกเสียง 8 คะแนน บัตรเสีย 3 คะนน ส่งผลให้โดนโทษถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี ที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะเป็นแรงกระเพื่อมทางการเมือง แต่เชื่อว่ามติดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่ารัฐบาลชุดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะสามารถควบคุมได้ และเชื่อว่าภายในปีนี้การเลือกตั้งจะยังไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างมาก ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้ประชาชนลดค่าใช้จ่าย มีเงินเหลือเพิ่มขึ้น จะทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น
ส่วนแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปีนี้คาดว่ามูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 57 ที่มีมูลค่าตลาดที่ 2.9 แสนล้านบาท ซึ่งโดยภาพรวมชะลอตัวลง 16% จากปีก่อนหน้า เพราะได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง ในขณะที่มูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดจะยังคงอยู่ในระดับ 3 แสนล้านบาททุกปี
“จากปัจจัยบวกหลายประการ และอัตราการเติบโตของประชาการ ความต้องการที่อยู่อาศัยที่คนไทยส่วนใหญ่เรียนจบในกรุงเทพฯ และต้องหางานทำในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ดุลประชากรในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อทำงานได้ 3-4 ปี กลุ่มนี้จะเริ่มหาซื้อบ้าน แม้ว่าตัวเลขประชากรในกรุงเทพฯ จะไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่ในเขตปริมณฑลเพิ่มขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าความต้องการบ้านยังคงมี โดยเฉพาะในภาวะที่ประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ทำให้การคาดการณ์ว่าอสังหาฯ จะโต 10% ถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ” นายทองมา กล่าว
ปูพรม 70-75 โครงการ มูลค่าเกือบ 6.1 หมื่นล้าน
นายทองมา กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 70-75 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 55,000-61,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 39-41 โครงการ บ้านเดี่ยว 21-22 โครงการ และคอนโดมิเนียม 10-12 โครงการ ในจำนวนนี้มี 9 โครงการในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่เปิด 62 โครงการ มูลค่า 56,912 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนา (Active Projects) รวม 177 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 78,536 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดิน 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่วางงบซื้อที่ดินเพียง 6,200 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดโอนบ้านให้ลูกค้ารวม 17,000 ยูนิต เป็นแนวราบ 13,000 ยูนิต ที่เหลือเป็นคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 58 ไว้ที่ 47,000 ล้านบาท โตขึ้น 20% จากปี 57 ที่มียอดขาย 39,090 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ 47,000 ล้านบาท โต 11.9% จากปี 57 ที่มียอดรับรู้รายได้ จำนวน 42,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ หรือแบ็กล็อก ณ สิ้นปี 57 จำนวน 34,224 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ จำนวน 22,862 ล้านบาท จากจำนวนโครงการเปิดใหม่ 70-75 โครงการ โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 177 โครงการ รวมถึงแบ็กล็อกที่จะรับรู้ในปีนี้ทำให้มั่นใจว่า จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างแน่นอน
ในปี 2558 ยังคงเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของพฤกษาให้เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า มุ่งสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อลูกค้า (Create Value) โดยจากผลการศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคของหน่วยงาน Pruksa Innovation Center ทำให้บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาสร้างบ้านให้สอดคล้องต่อเทรนด์ความต้องการใน 4 Consumer Mega Trends ได้แก่ บ้านที่แข็งแรงปลอดภัย บ้านที่ใส่ใจด้านสุขภาพ บ้านที่ลดการใช้พลังงาน และบ้านทันสมัย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงต่อยอดรักษาคุณค่าของเทคโนโลยีพฤกษา พรีคาสท์ และ Pruksa REM เพื่อพัฒนาคุณภาพการก่อสร้าง ลดระยะเวลาการก่อสร้าง และลดการใช้แรงงาน ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารต้นทุนการก่อสร้างได้ดีขึ้น และลูกค้าได้รับบ้านที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น
ด้าน นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวมในปี 2558 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น การที่บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 47,000 ล้านบาท โดยเติบโต 11.9% จากปีที่ผ่านมาถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยรายได้หลักยังคงเป็นกลุ่มโครงการแนวราบประมาณ 70% ในขณะที่ Business Cycle Time (ขาย-ก่อสร้าง-ส่งมอบ) ของโครงการแนวราบสามารถบริหารได้เพียง 87 วัน ณ สิ้นปี 57 และมีเป้าหมายให้เหลือ 85 วัน ซึ่งถือว่าเป็นหลักสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ