ประธานบอร์ด BECL และ BMCL สรุปข้อตกลงรอประชุมแจ้งผู้ถือหุ้น 2 เมษายนนี้ เตรียมควบรวมกิจการ คาดแล้วเสร็จเป็นบริษัทฯ ใหม่เข้า SET ได้ในต้นไตรมาส 3 หวังดัน Market Cap เพิ่มขึ้นแตะ 7 หมื่นล้าน ติดโผ SET50 ยันไม่กระทบผู้ถือหุ้นเดิม อีกทั้งช่วยให้บริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้น เตรียมลุยรับงานทั้งใน และต่างประเทศ
นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ หรือ BECL กล่าวว่า บริษัทฯ ศึกษาความเป็นไปได้ของการควบรวมบริษัทระหว่าง บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ หรือ BECL และ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BMCL มาในระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งจากมติที่ประชุมของทั้ง 2 บริษัทลงความเห็นชอบในการควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทให้เป็นบริษัทเดียว เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น และช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ที่จะเข้าไปรับงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศในอนาคต โดยการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 2 เมษายน 2558 และคาดว่าจะสามารถจัดตั้งเป็นบริษัทฯ ใหม่ได้เสร็จเรียบร้อย และเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้
“การควบรวมกิจการของทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้จะไม่กระทบต่อผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งจะส่งผลทำให้มูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของบริษัทใหม่ของทั้ง 2 บริษัทมีเพิ่มมากขึ้นที่ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และมีความแข็งแกร่ง และมีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น โดยความน่าเชื่อถือของบริษัทหลังควบรวมแล้วเสร็จจะขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 30 ต้นๆ ในดัชนี SET50 ”
ขณะที่ นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BMCL กล่าวว่า การควบบริษัทระหว่าง BECL และ BMCL ถือเป็นกลยุทธ์ในการผสานความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน โดยคาดว่าการควบบริษัทครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์จากการเพิ่มโอกาสในการขยาย และต่อยอดธุรกิจ ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของบริษัทใหม่ ทั้งในด้านการเงิน การดำเนินงาน และความสามารถในการแข่งขัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนทั้งใน และนอกประเทศ รวมถึงช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้หุ้นของบริษัทจากมุมมองของนักลงทุน
“การควบบริษัทจะเป็นการผสานจุดแข็งระหว่าง BECL กับ BMCL ซึ่งส่งเสริมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ส่งผลให้บริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ และมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม และมีศักยภาพพร้อมสำหรับรับโอกาสในการเข้าลงทุนในโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้cdjกิจการอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นในอนาคตอีกด้วย”
ด้าน นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ. ช.การช่าง หรือ CK กล่าวเสริมว่า ช.การช่าง ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัททั้ง 2 แห่ง และเป็นผู้ถือหุ้นหลักสนับสนุนการควบรวมในครั้งนี้อย่างเต็มที่ และมีความเชื่อมั่นว่า การควบรวมนี้จะทำให้บริษัทใหม่มีความแข็งแกร่งในทุกด้าน มีความพร้อมในการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น ด้วยความเชื่อมั่นดังกล่าว CK จึงได้แสดงเจตนารมณ์ในการรับซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นที่ไม่ประสงค์ถือหุ้นต่อ โดยลงมติคัดค้านการควบรวม BECL และ BMCL ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม การจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ BECL และ BMCL จะมีอัตราส่วนคือ 1 หุ้นเดิมใน BECL ต่อ 8.65537841 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน BMCL ต่อ 0.42050530 หุ้นในบริษัทใหม่ โดยคาดว่าการดำเนินการควบบริษัทจะแล้วเสร็จ และสามารถซื้อขายหุ้นของบริษัทใหม่ได้ภายในช่วงไตรมาส 3 ปี 2558
