มีปฏิกิริยาให้เห็นกันบ้างแล้ว เมื่อวันที่ 24-26 พ.ย.2557 บรรดาหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กทั้งหลายเริ่มถูกแรงขายทำกำไรจนต้องปรับลดลงกันหนักหน่วง หุ้นบางตัวพลิกกลับมาลงถึงระดับต่ำสุดในวัน หรือปรับร่วง 30% ภายในวันเดียว ซึ่งถ้าลองดูภาพรวมของบรรดาหุ้นขนาดเล็กทั้งหลายแล้ว จะพบว่า หุ้นนอกดัชนี SET100 หรือกลุ่ม Non-SET100 มีการปรับลดลงมากกว่า 1% (ลง 2 วันติดต่อกันกว่า 1.3%) หุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทนก็ร่วงลงมากว่า 1.4% (กลุ่มพลังงานทดแทนปรับลดลงมา 3 วันติดต่อกันกว่า 4.2%) ส่วนดัชนี MAI ก็มีการปรับลงมาถึง 1.2% โดยเป็นการปรับลงมาหนักหน่วง 3 สัปดาห์ติดต่อกันกว่า 5.7%
เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นว่า หุ้นขนาดเล็กถึงเล็กมากทั้งหลายกำลังถูกสอยทำกำไรกันอย่างครึกครื้น แม้ว่าการปรับลดลงที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจะยังคงมีรูปแบบเป็นการพักฐาน และยังไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นการกลับทิศจากขาขึ้นเปลี่ยนเป็นขาลง แต่นักลงทุนก็ไม่ควรประมาท เพราะถ้าย้อนกลับไปดูการเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี 2557 จะพบว่า กลุ่มพลังงานทดแทนปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 243% MAI Index ให้ผลตอบแทนสูงถึง 120% NON-SET100 ให้ผลตอบแทนที่มากกว่า 65% การให้ผลตอบแทนที่สูงมากผิดปกติแบบนี้มันยากที่จะมีความต่อเนื่องหรือให้ผลตอบแทนดีแบบไม่รู้จบ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นแค่การให้ผลตอบแทนสูงเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงย่อมต้องเลิกรา และยามที่เกิดการปรับฐานก็อาจเป็นการปรับลงที่รุนแรงได้
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีนักลงทุนที่หลงเข้าไปเก็งกำไรในหุ้นเล้กหุ้นซิ่งทั้งหลายกันเป็นจำนวนมาก โดยสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนรายบุคคลในเดือน พ.ย.2557 ขึ้นแตะระดับสุงถึง 70% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ผิดไปจากปกติที่จะอยู่ในระดับ 50-55% มูลค่าการลงทุนของรายย่อยในประเทศที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ไปเพิ่มในหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จัก แต่กลับไปเพิ่มในหุ้นเก็งกำไรกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ดูได้จากมูลค่าการซื้อขายของหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม SET50 (Non-SET50) และไม่ได้อยู่ใน SET100 (Non-SET100) เฉลี่ยเดือน พ.ย.2557 มีสูงถึง 65% และ 51% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาด ถือว่าเป็นสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายที่สูงมาก เมื่อเทียบกับขนาด Market Cap ของ Non-SET50 และ Non-SET100 ที่มีสัดส่วนเพียง 29% และ 20% ของ Market Cap ทั้งตลาด ความผิดปกตินี้มีมาตั้งแต่ต้นปี 2557 เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน Non-SET50 และ Non-SET100 มีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 44% และ 28% โดยเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาแบบผิดหูผิดตาเมื่อเทียบปี 2552-2556 ที่ Non-SET50 และ Non-SET100 จะเทรดกันด้วยสัดส่วนเฉลี่ยเพียง 25% และ 12% ของมูลค่าการซื้อขายรวม
ในช่วงปี 2552-2556 ที่มูลค่าการซื้อขายใน Non-SET50 และ Non-SET100 มีเพียง 25% และ 12% ดัชนี Non-SET50 เทรดกันบนฐาน PER 16-20 เท่า และ Non-SET100 เทรดกันบนฐาน PER 12-20 ใกล้เคียง SET ที่ 13-18 เท่า แต่ในปัจจุบัน Non-SET50 และ Non-SET100 ที่เทรดกันสนั่นจนมีสัดส่วนถึง 60% ของมูลค่าซื้อขายรวม กลับเทรดกันที่ PER แพงกว่า 22 เท่า สูงกว่าตลาดที่ 17 เท่าแบบต่างกันมาก ภาพนี้เป็นการสะท้อนว่า ยิ่งหุ้นเล็กแพงเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีคนแห่เข้าไปเล่นกันมากเท่านั้น พฤติกรรมกลัวรวยช้าลักษณะนี้ย่อมเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความเสียหายต่อการลงทุนได้ ซึ่งจะเห็นได้จากอาการของหุ้นเก็งกำไรในช่วง 24-26 พ.ย.2557 ที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดีว่ามันก่อให้เกิดความเสียหายได้มากขนาดไหน และเชื่อได้เลยว่ามันยังไม่จบแค่นี้
ประกิต สิริวัฒนเกตุ
Prakit Siriwattanaket
Strategist and Technical Analyst
ASIA PLUS SECURITIES PUBLIC CO LTD
prakit@asiaplus.co.th