บริษัทจดทะเบียนได้รายงานผลประกอบการงวด 3Q57 รวมแล้วกว่า 320 บริษัท ที่รายงานเพิ่มเติม เช่น PTT, BECL, BCP, SVI, EASTW, HANA, SAMTEL, PYLON, STEC เป็นต้น ขณะนี้ยังคงเหลือบริษัทขนาดใหญ่บางบริษัท เช่น รับเหมาฯ CK, ITD, SEAFCO, SRICHA, STPI โรงพยาบาล BGH, BCH สนามบิน-สายการบิน AOT, AAV, THAI วัสดุก่อสร้าง TASCO, TPIPL รวมทั้ง DEMCO, TRUE, MINT, TUF, CPN, BMCL ทั้งนี้ คาดว่าส่วนใหญ่ ล้วนทรงตัว/ต่ำกว่าคาด
Global Plays พลังงานและปิโตรเคมี (30% ของกำไรทั้งตลาด) ล่าสุด BCP รายงานกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท ลดลง 70% จากงวดก่อนหน้า qoq แต่เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ ASP คาด เกิดจากรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันกว่า 1 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันโลกอ่อนตัวเกือบ 30% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามมาด้วยกลุ่มเดินเรือ ทั้งธุรกิจเดินเรือเทกองที่งวด 3Q57 ผลดำเนินงานมีแนวโน้มอ่อนตัว qoq ตามดัชนี BDI ที่ยังแกว่งตัวลง และธุรกิจเรือคอนเทนเนอร์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากฤดูมรสุม และ supply เรือใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก ยกเว้นกลุ่มส่งออกอาหาร และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผลดำเนินงานเติบโตจากฤดูกาลส่งออกตาม demand ที่เพิ่มขึ้น
Domestic Plays กลุ่มค้าส่ง-ปลีก, วัสดุก่อสร้าง และประกัน (แต่ละกลุ่มมีสัดส่วนราว 5% ของตลาด) ส่วนใหญ่คาดอ่อนตัวลง qoq ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ขณะที่กลุ่มสื่อสาร (10%) อาจทรงตัวจากงวดก่อนหน้า แต่มีผิดหวังหุ้นรายตัว เช่น DTAC และ THCOM เป็นต้น โดยยังขาด TRUE งวดนี้คาดจะขาดทุนราว 2.5 พันล้านบาท เป็นไตรมาสสุดท้าย และหลังจากนี้จะรายงานกำไรในงวด 4Q57 เพราะต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากนำเงินเพิ่มทุนไปชำระหนี้ลงบางส่วน บวกกับรับรู้รายได้พิเศษจากการขายเสาโทรศัพท์เข้ากองทุน
กลุ่มสาธารณูปโภค EASTW ขายน้ำดิบให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม พบว่า ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจประเทศ กล่าวคือ กำไรสุทธิลดลง 15%qoq และต่ำกว่าคาด เพราะยอดขายน้ำที่ตกต่ำตามอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และพลังงานที่ชะลอ ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเนื่องจากปริมาณน้ำน้อย จึงมีต้นทุนค่าไฟฟ้าในการไปดึงจากแหล่งสำรองฯ ที่อยู่ไกล จึงทำให้มีการปรับลดประมาณการกำไรในปีนี้ และปีหน้าลงเฉลี่ย 10%
กลุ่ม consumer finance ค่อนข้างแตกต่างกัน กล่าวคือ LIT ดีกว่าคาด แต่ SINGER แย่กว่าคาด และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (สัดส่วน 5%) ผลกำไรน่าจะใกล้เคียงกับคาด หรือกว่าคาด จากการส่งมอบคอนโดฯ และมียอดโอนฯ แนวราบปรับเพิ่มขึ้น เช่น SPALI รวมถึงหุ้นรับเหมาที่ออกมาตัวแรกคือ SYNTEC ออกมาดีกว่าคาด (ธนาคารพาณิชย์ รายงานงบตั้งแต่กลาง ต.ค. กำไรเพิ่มขึ้น 3% จากการตั้งสำรองฯ ที่ลดลง
กลุ่มโรงพยาบาล งวด 3Q57 เติบโตได้ตามคาด เนื่องจากเป็นช่วงพีกที่สุดของปีตามผลของฤดูกาล ปัจจัยหนุนมาจากรายได้เฉลี่ยต่อการรักษาที่เพิ่มขึ้นตามความรุนแรงของโรค รวมทั้งการปรับขึ้นค่ายา และรักษาพยาบาล ขณะที่งวด 4Q57 ผลกำไรน่าจะทรงตัว หรืออ่อนตัวเล็กน้อยหลังผ่านพ้นช่วงของฤดูฝนไปแล้ว แต่ยังได้ปัจจัยเรื่องฤดูกาลท่องเที่ยวเข้ามาเสริม จึงยังคงประมาณการเดิม
ส่วนกลุ่มขนส่ง คาดว่าชะลอตัวเช่นกัน โดยเฉพาะ BMCL งวด 3Q57 คาดว่าจะขาดทุน 250 ล้านบาท เนื่องจากต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นราว 490 ล้านบาท ในงวด 2H57 เพราะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้เพิ่มเติม จากเดิมที่จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้เท่านั้น แต่ของใหม่ต้องจ่าย 2 ส่วน คือ ของเดิม บวกส่วนแบ่งรายได้ในจำนวนคงที่ (ได้ระบุไว้ในสัญญาตั้งแต่เริ่มต้นให้จัดเก็บส่วนเพิ่มในจำนวนคงที่เป็นแบบขั้นบันไดตั้งแต่ปี 2557) ขณะที่กลุ่มขนส่งทางอากาศ น่าทรงกับแย่ลง (AAV, THAI ยกเว้น BA) ตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่คาดหวังว่าจะดีขึ้นในงวด 4Q57 ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว และต้นทุนน้ำมันที่ลดลง
สรุปว่า จำนวนบริษัทที่ประกาศข้างต้น พบว่า มีกำไรสุทธิรวม 1.7 แสนล้านบาท ลดลง 11.4%yoy เทียบกับกำไรสุทธิ 1.963 แสนล้านบาทในงวด 2Q57 และ 2.24 แสนล้านบาทในงวด 1Q57 ซึ่งทำให้กำไรสุทธิตลาดงวด 3Q57 น่าจะอ่อนตัวลงจากงวด 2Q57 10% ซึ่งเป็นผลให้มีการปรับลดประมาณการกำไรรายตัวในเบื้องต้น จึงคาดว่า กำไรตลาดปี 2557 และ 2558 น่าจะต้องปรับลดลงจากเดิมไม่ต่ำกว่า 4% ในปี 2557 และ 2% ในปี 2558 ซึ่งจะทำให้ EPS ใหม่ อยู่ที่ 93.4 บาท และ 108.9 บาท (EPS Growth 2% และ 15%) เทียบกับเดิม 98.14 และ 110.47 บาท (EPS Growth 7.46% และ 12.57%) ตามลำดับ เท่ากับกับ current P/E ที่สูงกว่า 16.9 เท่า จึงทำให้ยังโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงมาอีกครั้ง กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง มีค่า P/E ต่ำ เงินปันผลสูง และแนวโน้มผลดำเนินงานเติบโต
สำหรับฤดูกาลการประกาศผลประกอบการในงวด 3Q57 ที่กำลังใกล้จะจบลง (คาดว่าจะประกาศกันเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้) เกือบทุกๆ ครั้งของการรายงานงบตลาดมักจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่กำลังจะประกาศผลประกอบการ พอประกาศเสร็จสิ่งที่จะตามมาคือ การขายทำกำไร หรือที่เรียกกันว่า Sell on Fact หากงบออกมาดีการขายทำกำไรอาจไม่หนักเท่าไหร่นัก แต่ถ้างบออกมาแย่จะมีการขายแบบตื่นตระหนก โดยในงวด 3Q57 นี้ เราได้เห็นการขายแบบตื่นตระหนกในหุ้นหลายๆ ตัว เนื่องด้วยผลประกอบการงวด 3Q57 ของหลายๆ บริษัทออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง ซึ่งก็มักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำของงบไตรมาส 3 ทุกปี
ฝ่ายวิจัยมองว่า จังหวะที่หุ้นพื้นฐานดีปรับลดลงมากเกินไปจะเป็นโอกาสในการเข้าเก็บเพื่อลุ้นผลประกอบการฟื้นตัวในงวดไตรมาส 4 โดยหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการโดดเด่นในงวด 4Q57 กำไรสุทธิเติบโตเมื่อเทียบทั้งรายปี รายไตรมาส และต่อเนื่องถึงปี 2558 ได้แก่ กลุ่มเกษตร GFPT กลุ่มอาหาร KSL MINT กลุ่มธนาคารฯ BBL KBANK SCB กลุ่มการเงิน AUCT SAWAD THANI กลุ่มเหล็ก BSBM กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC กลุ่มรับเหมาฯ STPI SYNTEC กลุ่มอสังหาฯ SC RML SPALI กลุ่มพลังงาน DEMCO PTTEP กลุ่มค้าปลีก BEAUTY กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL ERW กลุ่มสื่อสาร ADVANC SAMART SAMTEL ในขบวนหุ้นดังกล่าว Top Pick ขอเลือก STPI, PTTGC, ADVANC, ERW, SPALI
ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส
Prakit Siriwattanaket
Strategist and Technical Analyst
ASIA PLUS SECURITIES PUBLIC CO LTD
email prakit@asiaplus.co.th