แรงกดดันของผลประกอบภาค Real Sector อาจทำให้ SET มีพื้นที่ขึ้นจำกัด มองแนวต้านถัดไปไว้ที่ 1,555 จุด กลยุทธ์ยังคงถือเงินสด 70% และหุ้น 30% ใน AIT DEMCO INTUCH SYNTEC ส่วนหุ้นเทคนิคเด่นเลือก IFEC มีเป้าหมายระยะสั้นที่ 10 บาท
มุมมองและการวิเคราะห์ :
- ดัชนี HSKI ของฮ่องกงปรับตัวลง 0.84% หลังจากการเปิดเผยข่าว โครงการเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ ยังไม่ได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบให้สามารถเริ่มใช้ได้ภายในสัปดาห์หน้าตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบให้ราคาหุ้นบริษัทตลาดหลักทรัพย์ และสำนักหักบัญชีฮ่องกง (HKEx) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ล่าสุด ปรับตัวลดลงถึง 3.69%
- การทดสอบ Stress test ของธนาคารกลางยุโรปออกมาไม่แตกต่างไปจากที่ตลาดคาดมากนัก โดยมีธนาคารฯ 25 แห่ง จาก 130 แห่ง ที่ไม่ผ่านการทดสอบ (9 แห่ง อยู่ในอิตาลี ในกรีซและไซปรัส อีกประเทศล่ะ 3 แห่ง ตามมาด้วย เบลเยียม และสโลวีเนีย แห่งละ 2 ธนาคาร โปรตุเกส เยอรมนี ออสเตรีย ไอรแลนด์ แห่งละ 1 ธนาคาร) ในจำนวน 25 แห่ง ที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะมี 12 แห่งที่ต้องมีการเพิ่มทุนโดยเร่งด่วน ส่วนธนาคารที่ผ่านเกณฑ์ เชื่อว่าจะมีความต้องการขอกู้เงินจาก TLTRO ที่จะการจัดสรรอีกครั้งในช่วง ธ.ค.2557 ซึ่งน่าจะมีการจัดสรรได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ ECB วางเอาไว้ที่ 1.2-1.8 แสนล้านยูโร
- การประชุม FOMC ในวันที่ 28-29 ต.ค.57 คาดการณ์ว่า FED น่าจะสิ้นสุดมาตรการ QE ส่งผลให้งบดุลของ FED จะทรงตัวที่ 4.48 ล้านล้านเหรียญ โดย FED ยังไม่น่าที่จะเผยสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยใดๆออกมา เนื่องจากระดับเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมาย และตลาดแรงงานยังไม่เข้มแข็งแข็งมากเพียงพอ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า หลังการประชุม FOMC ในรอบนี้เสร็จสิ้น จะมีแค่การแถลงสรุปของ เจเน็ต เยลเลน และจะไม่มีการตอบคำถามใดๆ ต่อสื่อมวลชน ซึ่งผิดไปจากหลังการประชุมในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา พฤติกรรมลักษณะนี้อาจตีความได้ ทั้งมีการพิจารณาเรื่องสำคัญที่เกินกว่าตลาดคาด หรืออีกแนวคือ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ ประกาศยกเลิกมาตรการ QE และยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีกระยะ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังผลกระทบต่อตลาดก็จะไม่มากเท่าไหร่นัก โดยในช่วงก่อนหน้า ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับลดลงตอบรับการยุติ QE ไปล่วงหน้าค่อนข้างมากแล้ว หากการประชุม FOMC รอบนี้ไม่มีอะไรเกินกว่าที่ตลาดคาด เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรับน่าจะตอบรับในเชิงบวกและฟื้นตัวขึ้นต่อได้
- ถัดจากการประชุม FOMC ติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 4-5 พ.ย.57 ซึ่งเป็นที่จับตาว่า ECB น่าจะมีการประกาศเข้าซื้อ สินเชื่อคุณภาพ (covered bonds) และตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ABS) ด้วยขนาดที่มากขึ้น หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ECB เริ่มไล่ซื้อ covered bonds จากธนาคารพาณิชย์ ในประเทศฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อ covered bonds ในครั้งนี้ อาจช่วยแค่ในเรื่อง Sentiment การลงทุนระยะสั้นของตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก เนื่องจาก Program นี้ไม่ได้รวมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล (Government bond) เหมือนอย่างที่สหรัฐฯ อังกฤษ และญี่ปุ่น ทำกันไปก่อนหน้านี้ (การเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลนั้นจะช่วยกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไม่ให้สูงเกินไป และสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ) อีกทั้งเมื่อปี 2554 ECB ก็เคยประกาศเข้าซื้อ covered bonds แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก
- อย่างไรก็ตาม มองว่าระยะสั้น Upside ของ SET Index ยังคงมีจำกัด ประเมินแนวต้านถัดไปไว้ที่ 1,555 จุด เนื่องจากตลาดยังมีแรงกดดันเกี่ยวกับการประกาศผลประกอบการของภาค Real Sector โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่น่าจะออกมาได้ค่อยสู้ดี กระนั้นเชื่อว่าหลังจากกลุ่มพลังงานประกาศงบเสร็จ และบรรดาสำนักวิเคราะห์ต่างๆ ทำการปรับลดการคาดการณ์กำไรตลาดปี 2557 และ 2558 ลง SET Index ที่มีการซึมซับเรื่องราวทั้งหมดไว้แล้ว น่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีแรงซื้อ LTF เป็นแรงหนุนสำคัญ (จากข้อมูลล่าสุด ม.ค.-ก.ย.57 มีการซื้อ LTF เข้ามาแล้วเพียง 1.07 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเฉลี่ยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาที่ 4 หมื่นล้านบาทต่อปีค่อนข้างมาก)
กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic : ยังเน้นกลยุทธ์เดิมคือ ถือเงินสด 70% และหุ้นเพียง 30%
ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส
Prakit Siriwattanaket
Strategist and Technical Analyst
ASIA PLUS SECURITIES PUBLIC CO LTD
email prakit@asiaplus.co.th