xs
xsm
sm
md
lg

CPF เปิดแผนลุยซื้อกิจการในต่างประเทศ เผย 6 เดือนแรก ยอดขายโต 13% โกยกำไร 5.5-5.6 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


CPF เผยต้นปี 58 สรุปซื้อกิจการ 1 ดีล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหาร และการตลาดของสหรัฐฯ เล็งลุยชอปกิจการในยุโรป-รัสเซีย เผยในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายเติบโต 13% มีกำไร 5.5-5.6 พันล้าน เติบโตกว่า 100% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว พร้อมตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 10% หรือประมาณ 4.3-4.5 แสนล้านบาทในปีนี้

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งสร้างเครือข่ายธุรกิจทั่วโลกเพื่อเชื่อมศักยภาพตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เข้ากับจีนตอนใต้และอินเดียตะวันออก รวมทั้งเจาะตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง

โดยขณะนี้ สนใจการซื้อกิจการในสหรัฐฯ อีก 1 บริษัทซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารและการตลาด อีกทั้งมีบริษัทในรัสเซียและยุโรปที่น่าสนใจ ต้องเลือกบริษัทที่ดีและผู้บริหารดี ขณะนี้พิจารณา 3-4 บริษัทคาดว่าในต้นปีหน้าอาจจะมีการประกาศได้ 1 ดีลอาจจะเป็นยุโรปหรือรัสเซีย

จุดเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจของบริษัท 3 ประการ คือ พึ่งการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น การนำกลยุทธ์การควบรวมและซื้อธุรกิจมาใช้ เพื่อสร้างโอกาสจะทำให้ยอดขายของธุรกิจต้องโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ในอีก 5 ปีข้างหน้า และต้องเข้าไปสู่การผลิตอาหารสำเร็จรูปมนุษย์มากขึ้น แทนที่จะเป็นการผลิตอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าของสินค้า แผนขยายการลงทุนยังคงเน้นทั้งในอาเซียนและนอกอาเซียน เช่น จีน อินเดีย และรัสเซีย ส่วน 3 ประเทศ อินโดนีเซียและพม่า เป็นการลงทุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ส่วนบรูไน เป็นประเทศเล็ก บริษัทไม่ได้ลงทุน

สำหรับประเทศนอกอาเซียนที่ใส่เงินลงทุนไปมาก คือ จีน อินเดีย รัสเซีย และตุรกี ส่วนที่เบลเยี่ยมได้ซื้อธุรกิจอาหารทอปฟู้ดส์ ตอนนี้ดูการลงทุนธุรกิจในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป เป็นโอกาสที่เราจะไปต่อยอดในธุรกิจอาหาร มีบริษัทที่น่าสนใจ ปัจจุบัน การลงทุนในต่างประเทศของบริษัทมากกว่าการลงทุนในประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 60% ของการลงทุนทั้งหมดของบริษัท ซึ่งมีการลงทุนเฉลี่ย 7-8 หมื่นล้านบาท ต่อปี

CPF ยังได้เข้าไปลงทุนในประเทศใหม่ๆ ในแอฟริกา ซึ่งมีประชากร 1 พันล้านคน เนื่องจากบริษัททำธุรกิจอาหารจึงต้องพิจารณาจำนวนอยู่ประชากรเป็นหลัก แอฟริกาเป็นตลาดใหญ่แต่เราเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ เพื่อศึกษาตลาดและสร้างความมั่นคงทางธุรกิจในอนาคต เราไม่ได้ต้องการเข้าแล้วไปเป็นเบอร์หนึ่ง ซึ่งตอนนี้เราเริ่มที่แทนซาเนีย ด้วยธุรกิจอาหารสัตว์และเลี้ยงไก่ เพื่อสร้างธุรกิจต้นแบบขึ้นมาก่อนแล้วค่อยขยายในอนาคต

ปัจจุบัน CPF ลงทุนในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว 6 ประเทศ คือ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ลาว และกัมพูชา ซึ่งในแต่ละประเทศมีธุรกิจแตกต่างกัน เช่น ในเวียดนาม เป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด มีประชากร 90 ล้านคน CPF มีการลงทุนเต็มรูปแบบเหมือนการทำธุรกิจในประเทศไทย มีทั้งอาหารสัตว์บก อาหารสัตว์น้ำ ไก่เนื้อ ไก่ไข่ หมู กุ้ง ปลา อาหารสำเร็จรูป ไก่ย่างห้าดาว ร้านเฟรชมาร์ท

ส่วนฟิลิปปินส์มีประชากรกว่า 100 ล้านคน จะเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ซึ่ง CPF ใช้เงินลงทุนไปแล้วเกือบ 8,000 ล้านบาท ในการสร้างธุรกิจอาหารสัตว์บก อาหารสัตว์น้ำ หมู ไก่เนื้อ กุ้ง ปลา แต่ยังไม่มีอาหารสำเร็จรูปและร้านอาหาร ขณะที่มาเลเซียมีกำลังซื้อ 20 กว่าล้านคน ตลาดไม่ใหญ่แต่บริษัทสร้างฐานไว้นานแล้วทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ สำหรับลาวและกัมพูชา บริษัทลงทุนทำธุรกิจสัตว์บก เช่น อาหารสัตว์บก เลี้ยงสุกร ไก่ ส่วนสิงคโปร์ ไม่มีการลงทุนแต่เป็นฐานการค้าขาย ใน 10 ประเทศอาเซียน CPF มีการลงทุนแล้ว 6 ประเทศ โดยอินโดนีเซีย พม่า เป็นการลงทุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ส่วนบรูไน ไม่มีการลงทุนเพราะมีขนาดเล็ก

นอกจากนี้ ไทยยังมีความได้เปรียบทางภูมิศาตร์ซึ่งจะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและขนส่งสินค้าทางบกของอาเซียนได้เป็นอย่างดี บริษัทยังเห็นความสำคัญของการเชื่อมโยงเออีซีกับจีนทางตอนใต้และทางตะวันตกของไทยก็เชื่อมกับอินเดียได้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงและจะเป็นโอกาสทางการค้าและการลงทุน อาเซียนจะเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกและการส่งออกต่อไปยังประเทศที่สาม

อย่างไรก็ตาม เรื่องสินค้าเกษตรและอาหารอาเซียนยังมีการปกป้องการผลิตในประเทศ ซึ่งจะทำให้การส่งออกระหว่างอาเซียนไม่สะดวก CPF จึงจำเป็นต้องไปลงทุนในประเทศกลุ่มประเทศอาเซียนแทนการส่งออกจากประเทศไทย

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของ CPF เติบโต 13% กำไร 5.5-5.6 พันล้านบาท โตกว่า 100% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่ผ่านมาภาวะเนื้อสัตว์ตกต่ำและกุ้งไม่ดีทั้งปีทำให้กำไรไม่ดี แต่ปีนี้กลับมาโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ราคาดีกว่าปีที่แล้ว แต่กุ้งที่เสียหายเพิ่งกลับมาแต่ยังเป็นธุรกิจที่ขาดทุนเพราะผลผลิตยังน้อย

ทั้งนี้ CPF ตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 10% หรือประมาณ 4.3-4.5 แสนล้านบาทในปีนี้ และคาดว่ากำไรครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบันรายได้ของบริษัทมาจากการลงทุนต่างประเทศ 58% ใน 13 ประเทศ โดยมีการผลิตเพื่อขายภายในประเทศ 36% ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกจากไทยเพียง 6% ไปยัง 20 ประเทศ และในอีก 5 ปีข้างหน้า รายได้ลงทุนจากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 70%
กำลังโหลดความคิดเห็น