เดอะ แพลทินัมฯ เผยแผนธุรกิจ 5 ปี ก้าวสู่ผู้นำการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์ ครบวงจร ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม ควบคู่การสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย แจงแผน 3-5 ปี ทุ่มงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ลุยผุดโรงแรม อาคารออฟฟิศเช่า ศูนย์การค้าทั้ง กทม. และสมุย แจงความคืบหน้า “เดอะ มาร์เก็ต” เร่งปรับเพิ่มออฟฟิศเช่า-รร. คาดหลังเปิดบริการโครงการใหม่ทุกโครงการเต็มรูปแบบในปี 2561 รายได้รวมจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,700 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท จากรายได้ในปัจุบันที่ 1,700 ล้านบาทต่อปี
นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายหลังจากกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทได้เน้นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น เพื่อปรับโครงสร้างรายได้ในอนคต จากเดิมที่มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า โรงแรม และออฟฟิศเช่า โดยตั้งเป้าว่าในระยะ 3-5 ปีจากนี้ เดอะแพลทินัมฯ จะก้าวสู่การเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์แบบครบวงจร ซึ่งจะครอบคคลุมการพัฒนาโครงการทั้งในส่วนของศูนย์การค้าแบบค้าปลีก-ค้าส่ง โรงแรม ออฟฟิศเช่า และที่อยู่อาศัย
โดยในช่วงแรกจะยังเน้นการขยายเพิ่มในส่วนของการลงทุนโครงการศูนย์การค้า โรงแรม อาคารสำนัก ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่บริษัทมีความชำนาญ ส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยนั้น คาดว่าจะมีความพร้อมเต็มที่ภายในช่วง 5 ปีจากนี้ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมทีมงาน และความพร้อม ดังนั้น ณ ปัจจุบันนี้จึงยังไม่เน้นการลงทุนในส่วนของกลุ่มที่อยู่อาศัยมากนัก เนื่องจากบริษัทจะยังเน้นการลงทุนในกลุ่มศูนย์การค้า โรงแรม และออฟฟิศเช่าอยู่
ทั้งนี้ ในระยะ 5 ปีจากนี้ บริษัทมีแผนจะใช้งบลงทุรนพัฒนาโครงการใหม่ 10,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนในส่วนของโครงการศูนย์การค้าแบบค้าปลีก ภายใต้ชื่อโครงการ เดอะมาร์เก็ต ซึ่งแผนเดิมเป็นการลงทุนพัฒนาเฉพาะศูนย์การค้า และจะทยอยพัฒนาในส่วนของโรงแรม และออฟฟิศเช่าในพื้นที่เดียวกันเพิ่มภายหลัง โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินในการพัฒนาศูนย์การค้า 5,500-5,800 ล้านบาท และการพัฒนาในส่วนของออฟฟิศเช่า และโรงแรมเพิ่มอีก 3,200 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของศูนย์การค้าคาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ในปี 2561 และเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรม และออฟฟิศเช่าได้ภายในปี 2562
นอกจากนี้ เดอะแพลทินัม ยังได้ลงทุนพัฒนาโรงแรมอีก 2 แห่ง บนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการพัฒนาในส่วนของโรงแรมเพิ่มเติมจากโครงการคอมมูนิตีมอลล์ เดอะ วอร์ฟ สมุย โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมเฉพาะโรงแรมทั้ง 2 แห่ง 900 ล้านบาท ลดลงจากงบประมาณเดิมที่วางไว้ 1,200 ล้านบาท โดยคาดว่าในส่วนของโรงแรมที่ก่อสร้างใหม่ทั้ง 2 แห่ง จะแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2561
ทั้งนี้ ภายหลังจากงานก่อสร้างโครงการใหม่แล้วเสร็จทั้งหมดแล้วจะทำให้บริษัทมีรายได้ต่อปีขยับเพิ่มขึ้นเป็น 2,700 ล้านบาทต่อปี จากที่ในปัจจุบันบริษัทมีรายได้รวมทั้งปีที่ 1,700 ล้านบาท พร้อมกันนี้ หลังจากที่มีการเปิดบริการในส่วนของโครงการใหม่ทั้งหมดได้เต็มระบบแล้วจะทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย โดยจะมีสัดส่วนรายได้แบ่งออกเป็น รายได้จากศูนย์การค้า 60% ออฟฟิศเช่า 10% ธุรกิจโรงแรม 15% กลุ่มธุรกิจศูนย์อาหาร 10% และอื่นๆ อีก 5% ขณะที่สัดส่วนรายได้ในปัจจุบันมาจากธุรกิจศูนย์การค้า 65% โรงแรม 15% ธุรกิจอาหาร 10% และอื่นๆ 10%
สำหรับภาพรวมของธุรกิจของ เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป เช่น ธุรกิจโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ ในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเข้าพักมากถึง 86% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีมาก ขณะเดียวกัน ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของปีนี้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงเกือบ 90% ส่วนผลการดำเนินงานปี 2558 มีกำไรสุทธิ 630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน