“กูลิโกะ” โหมอาเซียนสู้เศรษฐกิจ ปักธงไทยรุกไอศกรีมชน “วอลล์”

ผู้จัดการรายวัน 360 - “กูลิโกะ” ตอกย้ำความมั่นใจ ปักธงส่งธุรกิจไอศกรีมลุยอาเซียน เชื่อธุรกิจอาหารแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ล่าสุดทุ่ม 300 ล้านบาทผุด “กูลิโกะ โฟรเซ่น” ในไทย ส่งไอศกรีม 4 ตัวหลักชิงตลาด หวังยอดขาย 900 ล้านบาทในปี 63 พร้อมลุยต่ออินโดนีเซียกลางปีนี้

นายมิคิโอะ คูซามะ Corporate Officer International Operation บริษัท เอซากิ กูลิโกะ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยแม้ว่าจะมีแนวโน้มยังไม่ดี แต่ “กูลิโกะ” เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจหนึ่งที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นและยังเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้จึงพร้อมลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดอาเซียนและไทยถือเป็นตลาดสำคัญของ “กูลิโกะ” โดยสามารถทำยอดขายได้กว่า 3-4% ของยอดขายรวมนอกประเทศญี่ปุ่นที่มีมูลค่ากว่า 12.8 พันล้านบาทในปี 2558 และยังมีการเติบโตขึ้นถึง 8%

ในปีนี้ “กูลิโกะ” มีแผนการลงทุนในอาเซียนต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดตั้ง บริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เป็นการลงทุนของ “กูลิโกะ” ทั้งหมดในการนำสินค้ากลุ่มโฟรเซน หรือไอศกรีมออกมาทำตลาดนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก พร้อมจ้างผลิตสินค้า และหลังจากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแผนที่จะเข้าไปทำตลาดโฟรเซนในประเทศอินโดนีเซียเป็นลำดับถัดไปด้วย

นายคิโยทะคะ ชิมะโมริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูลิโกะ โฟรเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า แผนการดำเนินงานของ “กูลิโกะ โฟรเซ่น” ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 2563 รวมแล้วจะใช้งบลงทุนกว่า 300 ล้านบาทในการทำตลาดทั้งหมด มั่นใจว่าจนถึงปี 2563 จะมีรายได้ 600-900 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดไอศกรีมได้ประมาณ 10% เบื้องต้นของการทำตลาดจะมีการวางจำหน่ายสินค้าอยู่ 4 ตัวหลัก คือ 1. “พาลิตเต้” 2 รสชาติ คือ รสนมช็อกโกแลตและรสนมไวต์ช็อกโกแลต ราคา 35 บาท จับกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการให้รางวัลกับตัวเอง 2. “ไจแอนท์ โคน” มี 2 รสชาติ คือ รสช็อกโกแลตถั่วลิสง และรสช็อกโกแลตคุกกี้ ราคา 25 บาท จับกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา 3. “พาแนปป์” มี 2 รสชาติ คือ รสสตรอเบอร์รี และรสองุ่น ราคา 25 บาท จับกลุ่มผู้หญิง และ 4. “เซเว่นทีน ไอซ์” มี 2 รสชาติ คือ รสมินต์ช็อกโกแลต และรสวานิลลาคุกกี้ ราคา 20 บาท จับกลุ่มวัยรุ่นทั่วไป เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.ศกนี้เป็นต้นไป

ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นจะมีทั้งเทรดิชันนัลเทรด ร้านค้าทั่วไป และโมเดิร์นเทรด อย่าง เซเว่น-อีเลฟเว่น, แฟมิลี่มาร์ท, แม็กซ์ แวลู, บิ๊กซี เป็นต้น โดยเบื้องต้นจะเน้นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก และจะเริ่มทำตลาดในต่างจังหวัดตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าไว้ภายในปี 2563 จะมีตู้แช่ของ “กูลิโกะ” รวมแล้วกว่า 10,000 ตู้ ขณะที่เบื้องต้นจะมีการทำตลาดสร้างการรับรู้และแจกสินค้าให้ทดลองชิม

สำหรับตลาดไอศกรีมประเทศไทยกว่า 55% มีราคาต่ำกว่า 15 บาท ส่วนราคาที่อยู่ระดับ 36 บาทขึ้นไปยังมีไม่มาก จึงมองเป็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดนี้ ขณะที่ “วอลล์” ถือเป็นเจ้าตลาดและอยู่ในเซกเมนต์เดียวกัน แต่เชื่อว่าการที่ “กูลิโกะ” มีกลยุทธ์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจะทำให้สามารถมีส่วนแบ่งในตลาดตามที่วางเป้าหมายไว้ได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ บริษัท ไทย กูลิโกะ จำกัด ที่ดูแลธุรกิจขนมหวานนั้น ในปี 2557 ที่ผ่านมามีรายได้ 3,300 ล้านบาท ส่วนในปี 2558 แม้ว่าจะยังไม่ประกาศยอดรายได้ออกมาแต่มั่นใจจะมีอัตราการเติบโต 2 หลักและมากกว่าปี 2557 ทั้งนี้ในภาพรวมของตลาดบิสกิต “กูลิโกะ” มีส่วนแบ่งตลาดอยู่เพียง 10%

ส่วนฐานการผลิตในประเทศไทยที่มีอยู่ 2 แห่ง คือ บางกะดี และรังสิต ยังคงมีการลงทุนต่อเนื่องทุกปีในการเพิ่มฐานกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยกว่า 70% สำหรับตลาดในประเทศ และอีก 30% เพื่อการส่งออกไปยัง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา