“เกศรา” เผยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทยหากไม่รวมกลุ่มพลังงานถือว่าดีกว่าปีก่อนมาก ชี้ IPO หุ้นไทยสูงสุด 3 ปีซ้อน แนะนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวในงาน SET Thai Coporate Day 2016 ว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วางแนวทางที่จะส่งเสริมในเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน โดยหากดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดที่ประกาศออกมา และประมวลผลแล้ว ทำให้เห็นว่าผลกำไรของทั้งปี 2558 ติดลบ 1.3% เมื่อเทียบกับปี 2557 เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อน้ำมัน ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำทั่วโลก ถ้าหากไม่รวมผลประกอบการของบริษัทกลุ่งพลังงานทำให้ผลประกอบการทั้งหมดเพิ่มขึ้นถึง 5.95% ซึ่งถือว่าเป็นผลประกอบการที่ออกมาดีที่สุดในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม ตลท. มองว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลประกอบการที่ออกมาบางธนาคารอาจได้รับผลกระทบไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วที่ผ่านมา ตัวบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยยังมีผลประกอบการที่ดีนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศต่างเฟ้นหาบริษัทที่ให้ผลตอบแทนดีในการเข้าไปลงทุน และถ้ามองไปทั่วโลกหลายๆ ประเทศ จะเห็นว่าประเทศที่ดีก็จะดีขึ้นไปมากแล้ว ส่วนในอาเซียนยังมีคนที่ต้องการจะลงทุน เพียงแต่จะมีการจำเพาะเจาะจงในบางกลุ่มอุตสาหกรรม และหุ้นบางตัวมากขึ้น
“ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยถึง 10,000 กว่าล้านบาท แต่ถ้าหักลบหนี้กับเมื่อเดือนมกราคม จะเหลือซื้อสุทธิอยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาท จึงถือว่าผลประกอบการของบริษัทเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้ตัวบริษัทเองในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนเข้ามาถือหุ้น”
ขณะที่นโยบายการลงทุนภาครัฐที่จะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะความคืบหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนโดยบริษัทจดทะเบียนก็มีส่วนในการผลักดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทยเช่นกัน โดยผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนแม้จะลดลงร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับปี 2557 แต่ถ้าไม่รวมกลุ่มน้ำมัน จะพบว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตร้อยละ 5.95 ซึ่งดีที่สุดในอาเซียน ส่วนแผนการนำบริษัทจดทะเบียนใหม่เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทย คาดว่ายังรักษาแชมป์ปีที่ 4 ที่มีมูลค่าบริษัทจดทะเบียนใหม่สูงสุด โดยเน้นกลุ่มอาหาร และลอจิสติกส์
สำหรับในเรื่องของหุ้น IPO ถือได้ว่า ตลท.เป็นตลาดหุ้นที่มีหุ้นเข้าจดทะเบียนใหม่สูงสุดในอาเซียนติดต่อกัน 3 ปีซ้อน โดยในปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณหุ้น IPO เข้าใหม่ ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จึงน่าจะเป็นผลทำให้มีนักลงทุนสนใจในการเข้ามาลงทุนเยอะขึ้น ขณะเดียวกัน มองว่า IPO ที่เกิดขึ้นเป็นหุ้นของกลุ่มธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจลอจิสติกส์ ธุรกิจอาหาร ไอที นวัตกรรม หรือธุรกิจใหม่ที่มีความสำคัญต่อคน จึงเป็นที่น่าสนใจ
ขณะเดียวกัน ความผันผวนที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจของประเทศต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยที่เกิดจากต่างประเทศ เช่น การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ในเดือนมีนาคมนี้ หรือแม้กระทั่งการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในทุกประเทศก็จะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศไทย นักลงทุนจึงต้องปรับมาดูในเรื่องของปัจจัยที่มีความเคลื่อนไหว แต่ปัจจัยที่ยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ดีที่สุดคือ ผลประกอบการของบริษัทเหล่านั้นเอง
“การปรับขึ้นของดัชนี SET INDEX ในช่วงนี้ นักลงทุนต่างชาติถือเป็นส่วนสำคัญในการเข้ามาหนุน มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาก และต้องบอกว่าเวลาต่างชาติเข้ามาซื้อส่วนมากจะเป็นหุ้นใหญ่ การปรับขึ้นในรอบนี้ถือว่าเป็นการปรับขึ้นเร็วจึงต้องระมัดระวัง แต่ถ้าหุ้นที่ถือครองอยู่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานดี ก็จะคงอยู่ได้ ขณะเดียวกัน ก็จะเห็นว่าหุ้นเล็กอาจจะมีประเด็นบ้าง แต่ในเรื่องประเด็นต่างๆ จะไปอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่เป็นส่วนมาก”