รมว.คลัง มั่นใจแนวทางจัดเก็บภาษีมรดก 10% สำหรับมรดกเกิน 50 ล้านบาท ผู้มีรายได้สูงน่าเห็นด้วยต่อแนวทางดังกล่าว เชื่อไม่เกิดปัญหาการถ่ายทรัพย์สินไปต่างประเทศอย่างแน่นอน และสามารถดำเนินการได้ทันที ย้ำปรับขึ้นแวตเกิน 7% เพื่อความเหมาะสม ด้านนายแบงก์หนุนเก็บภาษีที่ดิน-มรดก เพื่อให้สังคมมีความเป็นธรรม แต่ค้านเก็บแวต 10% แบบก้าวกระโดด เพราะจะมีผลกระทบต่อการบริโภคให้ชะลอตัวลง และจะมีผลกระทบต่อภาพรวม ศก.ได้
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าแนวทางการจัดเก็บภาษีมรดกในอัตราร้อยละ10 สำหรับมรดกเกิน 50 ล้านบาท โดยมองว่า ผู้มีรายได้สูงน่าเห็นด้วยต่อแนวทางดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะไม่เกิดปัญหาการถ่ายเงินมรดกไปต่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะการจัดเก็บภาษีมรดกดำเนินการจัดเก็บจากผู้รับมรดกที่ได้รับทรัพย์สินตามทะเบียนบ้าน ประกอบด้วย ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หุ้น ตารสารหนี้ และเงินฝากในสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีมรดกนั้นสามารถดำเนินการได้ทันทีหากผ่านการพิจารณา และจะดำเนินการจัดเก็บได้ก่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ต้องใช้ระยะเวลาการเตรียมการจัดเก็บหลังได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการอย่างน้อย 1 ปี
ส่วนแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT นั้น ยืนยันว่าต้องปรับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7 ในปัจจุบันอย่างแน่นอน เนื่องจากสัดส่วนรายได้ภาษีต่อจีดีพีของไทยต่ำมาก เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นตามความเหมาะสม
ด้าน นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลมีแนวคิดจะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากปัจจุบันที่เก็บอยู่ร้อยละ 7 นั้น ต้องดูจังหวะให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้มีปัญหาต่อการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคต
“แม้ว่าการเก็บ VAT เพิ่มจะสามารถเพิ่มรายได้ภาษีให้แก่ภาครัฐได้ แต่ไม่ควรปรับขึ้นถึงแบบก้าวกระโดด หรือปรับขึ้นจากร้อยละ 7 เป็น 10 ในคราวเดียว เพราะจะมีผลกระทบต่อการบริโภคให้ชะลอตัวลง และจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ ดังนั้น หากจะปรับขึ้นควรทยอยปรับ”
ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินได้บุคคลธรรมดานั้น ปัจจุบันไม่ใช่ภาษีตัวหลักในการหารายได้ให้รัฐ ดังนั้น การปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวควรคำนึงถึงการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมมากกว่า
ขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดก จะเป็นตัวเพิ่มเติมในการส่งเสริมให้สังคมมีความเป็นธรรมมากขึ้น เพราะจะทำให้คนมีที่ดินเก็บไว้จำนวนมากต้องนำที่ดินออกมาพัฒนา หรือขายออก ซึ่งจะส่งผลดีต่อคนที่มีรายได้น้อย-ปานกลางให้มีความสามารถในการครอบครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น