รมว.คลัง คาดหวังจีดีพีปีนี้โตได้ถึง 2% พร้อมมองปีหน้า ศก.ไทยฟื้นตัวได้แน่นอน หลังนโยบายรัฐชัดเจน พร้อมแถลงนโยบาย และมาตรการกระตุ้น ศก. พร้อมมอบนโยบาย ขรก.คลัง เดินหน้าปรับโครงสร้างภาษี และจัดหาแหล่งเงินทุนระยะยาว เพื่อรองรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
วันนี้ (15 ก.ย.) นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการ โดยในส่วนของนโยบายด้านการคลัง ซึ่งต้องดำเนินการหลายด้านเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปได้ ตั้งแต่การจัดเก็บภาษีที่ยังไม่เต็มศักยภาพ จึงต้องปรับปรุงโครงสร้างภาษีด้วยการคงอัตราภาษีไว้ในระดับปัจจุบัน แต่ได้ขยายฐานการจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ขณะเดียวกันจะปรับปรุงการลดหย่อนภาษีเพื่อประโยชน์ต่อผู้มีรายได้น้อย และจะต้องยกเว้นส่วนที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้มีฐานะการเงินดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
นอกจากนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง กระทรวงการคลังจึงต้องจัดหาแหล่งเงินทุนระยะยาวรองรับโครงการต่าง ๆ ด้วยการออกพันธบัตรระยะยาว เช่น พันธบัตรอายุ 100 ปี รวมถึงการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ ที่สูงถึง 700,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนกระทบต่องบประมาณเพื่อการลงทุนให้ลดน้อยลง รวมถึงการปรับปรุงบริการจัดการรัฐวิสาหกิจตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้
ต่อข้อซักถามถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปีนี้ นายสมหมาย ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนเองจะพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ร้อยละ 2 ซึ่งหากขยายตัวได้ตามเป้า ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยมองว่าไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว การท่องเที่ยวเริ่มกลับมา
นอกจากนี้ ยังรวมถึงในเรื่องงบประมาณของภาครัฐที่ยังค้างท่อ และมีการอัดฉีดเม็ดเงินของภาครัฐผ่านนโยบายต่างๆ จะเป็นตัวกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากกว่าร้อยละ 2 ขณะที่ปีหน้ามั่นใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน เพราะปีนี้มีฐานต่ำ
ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ vat ที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 7 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 และจะมีการปรับขึ้นเป็นร้อยละ 10 นั้น นายสมหมาย กล่าวว่า จะต้องดูตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องต่อการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจ
โดยในวันนี้ กระทรวงการคลัง ได้มีการแถลงนโยบาย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ทั้ง 11 ด้าน รวมแผนเร่งด่วนระยะสั้นของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ในปีนี้เฉลี่ยที่ร้อยละ 2 โดยมีช่วงเติบโตร้อยละ 1.5-2.5
ส่วนงบประมาณปี 57 ที่มีงบรายจ่ายรวม 2.525 ล้านล้านบาท จะมีงบประมาณที่เบิกจ่ายไม่ทันภายในปีนี้ ณ สิ้นสุด 30 ก.ย. ในราวร้อยละ 10 หรือ 2.5 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งบางส่วนจะถูกนำไปใช้ต่อในปีงบประมาณ 58 โดยไตรมาส 1/58 จะเบิกจ่ายออกไปได้ร้อยละ 35 ของงบรายจ่ายรวมที่ 2.575 ล้านล้านบาท
ด้านแผนการลงทุนภาครัฐบาลในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบรถไฟฟ้า การพัฒนารางคู่จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งการแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ อาจมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยในเชิงบวกได้บ้าง โดยเฉพาะในธุรกิจธนาคาร รับเหมาฯ ท่องเที่ยว และค้าปลีก