ASTVผู้จัดการรายวัน - รมว.คลังไม่มั่นใจจีดีพีทั้งปีโต 2% เหตุต่างชาติมองเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี รัฐบาลหลายประเทศเก็บภาษีไม่ได้ แต่ไตรมาส 4 คาดว่ามีโอกาสโตกว่า 2% เผยการเก็บภาษีมรดกต้องมีการฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบคอบ เช่นเดียวกับการขึ้นแวตตามแผน คสช.จะปรับขึ้นปลายปีงบ 58 ต้องขอดูตัวเลขก่อน
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงการคลังวานนี้ (15 ก.ย.) ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะโตได้ถึง 2% หรือไม่ ยังไม่ขอรับปาก แต่จะพยายามทำให้ได้เต็มที่ เพราะจีดีพีเป็นเป้าเดิมก่อนเข้ารับตำหน่ง แต่ส่วนตัวจากที่ไปประชุม ASEM เห็นว่า เศรษฐกิจในต่างประเทศไม่ค่อยดี รัฐบาลหลายประเทศเก็บภาษีไม่ได้ ขณะที่บางประเทศอัตราเติบโตติดลบ ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจไทยโตได้ถึง 2% ก็ถือว่าเป็นบุญ ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะดีขึ้น โดยน่าจะเห็นโตได้มากกว่า 2%
นายสมหมายได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงการคลัง โดยได้มอบนโยบายการทำงานให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งจะต้องมีการทำเป็น Action Plan ออกมาเพื่อวางกรอบแนวทาง ตลอดจนมาตรการ และกรอบเวลา อีกทั้งจะต้องมีหน่วยงานในการติดตามผล และสามารถวัดผลได้ง่าย เพื่อให้การปฏิบัติงานในแต่ระยะสามารถบรรลุสู่เป้าหมายที่ชัดเจนได้
ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการต่อจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดหลักการสำคัญคือทำแล้วจะต้องเกิดผลดี และมีผลเสียที่น้อยสุด ต้องไม่กระทบต่อรายได้ของภาครัฐและประชาชน ในส่วนของการเก็บภาษีมรดกนั้นเห็นว่าจำเป็นจะต้องมีการฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบคอบรอบด้านก่อนจะตัดสินใจ
“ภาษีมรดกหากทำไปอย่างไม่รอบคอบก็จะเกิดผลเสียตามมามากกว่า ถ้าออกมาไม่ดีก็จะหลบกันหมด และเกิดผลในทางลบตามมาอีกมากมาย ผมไม่ได้คัดค้าน แต่คงต้องใช้เวลา เราต้องรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนก่อน แต่คงไม่ถึงขั้นต้องทำประชาพิจารณ์" รมว.คลังกล่าวและยอมรับว่าในส่วนของการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบันที่ 7% เป็น 10% ตั้งแต่ ต.ค.58 ว่า คงต้องเดินหน้าไปตามนโยบายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้วางไว้ แต่การจะปรับขึ้นในอัตราเท่าใดนั้นจะต้องมีการพิจารณาให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเห็นว่าขณะนี้ยังมีเวลาที่จะศึกษา
"ตามแผนของ คสช. จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มปลายปีงบประมาณ 2558 แต่ขณะนี้ยังไม่พูดถึงเรื่องอัตรา ระหว่างนี้ก็ศึกษาไปก่อน เช่นเดียวกับการลดหย่อนภาษี LTF“
ส่วนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปัจจุบันให้ท้องถิ่นทำหน้าที่จัดเก็บนั้น ถือว่ายังทำได้มีประสิทธิภาพน้อยมาก ดังนั้นควรต้องปรับเปลี่ยนให้ส่วนกลางเข้ามาทำหน้าที่ในการจัดเก็บแทน พร้อมมองว่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีประสิทธิภาพมากกว่าภาษีมรดก เพราะเม็ดเงินได้รับกว่ามาก และมีเงินเข้ามาในทุกปี ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราภาษีคงไม่ใช่การหวังผลแต่เฉพาะในเรื่องของรายได้เพียงอย่างเดียว แต่เพื่อผลของการปรับให้สู่จุดหมายทางด้านเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมด้วย.
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงการคลังวานนี้ (15 ก.ย.) ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะโตได้ถึง 2% หรือไม่ ยังไม่ขอรับปาก แต่จะพยายามทำให้ได้เต็มที่ เพราะจีดีพีเป็นเป้าเดิมก่อนเข้ารับตำหน่ง แต่ส่วนตัวจากที่ไปประชุม ASEM เห็นว่า เศรษฐกิจในต่างประเทศไม่ค่อยดี รัฐบาลหลายประเทศเก็บภาษีไม่ได้ ขณะที่บางประเทศอัตราเติบโตติดลบ ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจไทยโตได้ถึง 2% ก็ถือว่าเป็นบุญ ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะดีขึ้น โดยน่าจะเห็นโตได้มากกว่า 2%
นายสมหมายได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงการคลัง โดยได้มอบนโยบายการทำงานให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งจะต้องมีการทำเป็น Action Plan ออกมาเพื่อวางกรอบแนวทาง ตลอดจนมาตรการ และกรอบเวลา อีกทั้งจะต้องมีหน่วยงานในการติดตามผล และสามารถวัดผลได้ง่าย เพื่อให้การปฏิบัติงานในแต่ระยะสามารถบรรลุสู่เป้าหมายที่ชัดเจนได้
ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างภาษีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการต่อจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดหลักการสำคัญคือทำแล้วจะต้องเกิดผลดี และมีผลเสียที่น้อยสุด ต้องไม่กระทบต่อรายได้ของภาครัฐและประชาชน ในส่วนของการเก็บภาษีมรดกนั้นเห็นว่าจำเป็นจะต้องมีการฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบคอบรอบด้านก่อนจะตัดสินใจ
“ภาษีมรดกหากทำไปอย่างไม่รอบคอบก็จะเกิดผลเสียตามมามากกว่า ถ้าออกมาไม่ดีก็จะหลบกันหมด และเกิดผลในทางลบตามมาอีกมากมาย ผมไม่ได้คัดค้าน แต่คงต้องใช้เวลา เราต้องรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชนก่อน แต่คงไม่ถึงขั้นต้องทำประชาพิจารณ์" รมว.คลังกล่าวและยอมรับว่าในส่วนของการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบันที่ 7% เป็น 10% ตั้งแต่ ต.ค.58 ว่า คงต้องเดินหน้าไปตามนโยบายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้วางไว้ แต่การจะปรับขึ้นในอัตราเท่าใดนั้นจะต้องมีการพิจารณาให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเห็นว่าขณะนี้ยังมีเวลาที่จะศึกษา
"ตามแผนของ คสช. จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มปลายปีงบประมาณ 2558 แต่ขณะนี้ยังไม่พูดถึงเรื่องอัตรา ระหว่างนี้ก็ศึกษาไปก่อน เช่นเดียวกับการลดหย่อนภาษี LTF“
ส่วนการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ปัจจุบันให้ท้องถิ่นทำหน้าที่จัดเก็บนั้น ถือว่ายังทำได้มีประสิทธิภาพน้อยมาก ดังนั้นควรต้องปรับเปลี่ยนให้ส่วนกลางเข้ามาทำหน้าที่ในการจัดเก็บแทน พร้อมมองว่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีประสิทธิภาพมากกว่าภาษีมรดก เพราะเม็ดเงินได้รับกว่ามาก และมีเงินเข้ามาในทุกปี ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราภาษีคงไม่ใช่การหวังผลแต่เฉพาะในเรื่องของรายได้เพียงอย่างเดียว แต่เพื่อผลของการปรับให้สู่จุดหมายทางด้านเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมด้วย.