“ม.ร.ว.ปรีดิยาธร” ต้อนรับทูตจีนเยี่ยมคารวะ เผยจีนหวังลงทุนไทยต่อ ชวนประชุม คกก.เศรษฐกิจไทย-จีนในรอบ 10 ปี ที่ปักกิ่ง ถกสินค้าส่งออก-ลงทุนในไทย ยกส่งออกจีนสูงกว่าชาติอื่น พึ่งพาได้ ย้ำลงทุนไม่ยึดตัวเลข ยกเป็นมิตรดีต่อไทยตลอด รับภาษีที่ดินยากกว่าภาษีมรดก คุยเศรษฐีเต็มใจเสีย 10% ศึกษายืดชำระหนี้ข้าว ยันไม่ให้ขวางงบ
วันนี้ (18 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายหนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวภายหลังหารือว่า ทางเอกอัครราชทูตจีนมาเยี่ยมอย่างเป็นทางการพร้อมแสดงความยินดี และได้แสดงความปรารถนาที่จะทำการค้าการลงทุนต่อกันมากขึ้น โดยจุดเริ่มที่ดีคือ ทางจีนชักชวนว่าน่าจะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-จีน ครั้งสุดท้ายที่เคยประชุมร่วมกันผ่านมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยในการประชุมร่วมกันครั้งใหม่นี้จะพิจารณากันทั้งเรื่องสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนโดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ข้าว และยางพารา ที่จะต้องหารือกัน และเรื่องการลงทุนของจีนที่ต้องการมาลงทุนในประเทศไทย ตนจะไปพิจารณาว่า ต้องการให้จีนมาลงทุนในส่วนไหน โดยการลงทุนต่อไปนี้ต้องเลือกแล้วว่าจะให้ลงทุนส่วนไหน ทั้งนี้ ทางจีนจะส่งกำหนดการแจ้งมาภายหลังว่าจะให้มีการประชุมร่วมกันเมื่อใด เบื้องต้นทางฝ่ายจีนแจ้งว่าการประชุมร่วมของคณะกรรมการร่วมมือการค้าระหว่างไทย-จีนครั้งแรกจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง และฝ่ายไทยขอให้จัดการประชุมครั้งที่ 2 ในปีหน้าที่ประเทศไทย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า สำหรับยอดการส่งออกไปจีนของไทยเพิ่มขึ้นสูงเร็วมากเมื่อ 15 ปีที่แล้วยอดส่งออกของไทยไปจีนเทียบกับส่งออกทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 2% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 12% และถ้านับประเทศเดียวที่ไทยส่งออกไป การส่งออกไปจีนจะสูงกว่าประเทศอื่นในโลก ดังนั้น ชัดเจนว่าเราพึ่งจีนได้จริงๆ ตอนนี้จีนเป็นเสาหลักของเอเชียตะวันออก โดยยอดส่งออกของไทยไปเฉพาะเอเชียตะวันออกอยู่ที่ 55% เฉพาะจีนประเทศเดียวอยู่ที่ 12% จึงถือเป็นเสาหลัก เมื่อเศรษฐกิจของจีนเติบโตนั้นเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกจะเติบโตตาม และเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลด้วย ส่วนเป้าหมายการค้าการลงทุนระหว่างกันนั้น คงไม่ต้องไปปรับอะไร ขายได้มาก ลงทุนได้มากก็ควรจะทำไป อย่าไปยึดเป้า ยึดตัวเลขอะไรให้ยุ่ง การค้าเป็นเรื่องของประโยชน์ทั้งสองข้างอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเชื่อมั่นที่จีนมีต่อประเทศไทยเป็นอย่างไร ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า หลังจากวันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่เกิดการรัฐประหาร จีนไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะพูดจาต่อต้านประเทศไทย เรื่องนี้ชัดเจนว่าจีนถือไทยเป็นมิตร และดีกับไทยตลอดเวลา
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรยังกล่าวถึงเรื่องมาตรการปฏิรูประบบภาษีว่า กฎหมายภาษีมรดกจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อน ส่วนเรื่องภาษีที่ดินถือเป็นเรื่องที่ยากกว่าภาษีมรดกมาก และต้องศึกษาในรายละเอียดก่อน จากนั้นจึงจะเสนอ สนช.ตามมา
“จากการที่ได้คุยกับมหาเศรษฐีหลายรายเต็มใจที่จะเสียภาษี 10% ขณะที่บางประเทศเก็บภาษีมรดก 50% หรือ 33% ทั้งนี้ การปฏิรูประบบภาษียังมีอีกหลายเรื่องมาก เช่นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แต่สิ่งที่รัฐบาลจะทำก่อนคือ เรื่องที่ทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องความเป็นธรรมของสังคม” ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า สำหรับเรื่องวิธีการยืดการชำระหนี้รับจำนำข้าว 30 ปีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวิธีการ แต่โดยหลักการคือจะไม่ให้มาขวางงบประมาณ