กระทรวงการคลัง ส่งหนังสือเชิญสถาบันการเงินทั้ง 32 แห่ง ประมูลเงินกู้ 50,000 ล้านบาท เพื่อนำมาจ่ายค่าจำนำข้าว วงเงินขั้นต่ำที่เข้าร่วมประมูล 2,000 ล้านบาท อายุเงินกู้ 3 ปี นับจากวันเบิกเงินกู้งวดแรก โดยจะเบิกเงินกู้จากธนาคารที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าก่อน
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือถึงสถาบันการเงินทั้ง 32 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์เอกชนทุกแห่ง เพื่อยื่นเสนอเงินให้กู้ยืมภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยกำหนดเงื่อนไขเงินกู้ดังกล่าว วงเงินขั้นต่ำที่เข้าร่วมประมูล 2,000 ล้านบาท อายุเงินกู้ 3 ปี นับจากวันเบิกเงินกู้งวดแรก กำหนดวันยื่นประมูลงวดแรกเกิน 30,000 ล้านบาท วันที่ 6 มิถุนายน 2557 งวดที่ 2 ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท วันที่ 13 มิถุนายน 2557 โดยจะเบิกเงินกู้จากธนาคารที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าก่อน
ทั้งนี้ ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นตลาดกรุงเทพ (BIBOR) ระยะ 6 เดือน ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นพื้นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ (ทศนิยม 4 ตำแหน่ง) โดยในการคำนวณอัตราดอกเบี้ย BIBOR กำหนด ณ วันที่เบิกรับเงินกู้ และปรับอัตราดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือน หากมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งกำหนดชำระทุกงวด 6 เดือน นับจากวันที่เบิกเงินกู้งวดแรก โดยจะชำระคืนทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุเงินกู้ และสามารถชำระคืนเงินต้นก่อนครบกำหนดทั้งจำนวน หรือบางส่วนได้ โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม ซึ่งการชำระคืนหนี้แก่ธนาคารและ/หรือเงื่อนไขที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าก่อน โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ
สำหรับการกู้เงินดังกล่าว กระทรวงการคลัง ค้ำประกันต้นเงิน และดอกเบี้ย (โดยใช้สัญญามาตรฐานของกระทรวงการคลัง) ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนต้นเงิน และดอกเบี้ย กระทรวงการคลัง มั่นใจว่า การกู้เงินครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากสถาบันการเงินอย่างดี เนื่องจากปัญหาความไม่ชัดเจนทางกฎหมายถูกขจัดไปหมดสิ้นแล้ว นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการกู้ยืมครั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะนำไปจ่ายให้แก่ชาวนาโดยเร็ว ซึ่งจะก่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม การจัดหาเงินทุนเพื่อใช้ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น ไม่สามารถทำได้ในช่วงรัฐบาลรักษาการชุดที่แล้ว เพราะไม่ชัดเจนในกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ที่ห้ามรัฐบาลรักษาการกระทำบางอย่างในช่วงการยุบสภา สถาบันการเงินจึงไม่มั่นใจที่จะให้กู้ยืม โดยล่าสุด กระทรวงการคลัง ได้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่ออนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2557 และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงิน และค้ำประกันเงินกู้ให้ ธ.ก.ส. เพื่อใช้จ่ายให้ชาวนาที่ยังค้างอยู่ วงเงิน 92,431 ล้านบาท ซึ่งหัวหน้า คสช.อนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการกู้เงินนั้น ครั้งแรกกู้ 50,000 ล้านบาทก่อนในช่วงแรก ส่วนที่เหลือ 40,000 ล้านบาท จะดำเนินการภายหลัง
น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยถึงการเปิดประมูลเงินกู้เพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ว่า วันนี้ (26 พ.ค.) สบน.จะส่งหนังสือชี้ชวนการประมูลเงินกู้ไปยังสถาบันการเงิน 32 แห่ง โดยวงเงินที่จะเปิดประมูลครั้งนี้รวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการประมูลในวันที่ 3 มิถุนายน จำนวน 30,000 ล้านบาท เพื่อให้ได้รับเงินในวันที่ 6 มิถุนายน และหลังจากนั้นในวันที่ 13 มิถุนายน ก็จะเปิดประมูลวงเงินที่เหลืออีก 20,000 ล้านบาท
“ตารางการกู้เงินของ สบน.ที่วางไว้จะสอดรับกับการจ่ายเงิน 40,000 ล้านบาท ของ ธ.ก.ส. ซึ่งได้เริ่มดำเนินการจ่ายเงินแล้วตั้งแต่วันนี้ หลังจากนั้น ก็จะได้เงินเพิ่มเติมจากเงินกู้ ก็จะมีความต่อเนื่องในการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรที่ยังค้าง และน่าจะทำได้ตามเวลาที่กำหนด คือ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะสามารถจ่ายเงินได้ครบ” น.ส.จุฬารัตน์ กล่าวและว่า ขณะนี้สถาบันการเงินเองก็มีความมั่นใจในการที่จะปล่อยกู้มากขึ้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็จะเป็นการแข่งขันกันตามปกติ โดยที่กระทรวงการคลัง จะเลือกรายที่เสนอดอกเบี้ยต่ำสุดตามกระบวนการประมูลปกติ
