กระทรวงการคลัง เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สั่งธนาคารรัฐขยายเวลาชำระหนี้อุ้มเอสเอ็มอี หลังพบหนี้เสียพุ่ง
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงคลังเดินหน้าหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว โดยได้สั่งการให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐพิจารณาขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เพราะไม่สามารถปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำได้ เนื่องจากต้องผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี และจะเป็นภาระหนี้ผูกพันไปยังรัฐบาลชุดต่อไป และยังได้หารือกับนายประสาร ไตรรัตน์ วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอความร่วมมือไปยังธนาคารพาณิชย์ในการช่วยพิจารณาเรื่องการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ และขยายเวลาการชำระหนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้แนวทางการช่วยเหลือเอสเอมอีได้ทันช่วงรัฐบาลรักษาการชุดนี้
ส่วนการยืมเงินรงบประมาณทดลองราชการ จำนวน 20,000 ล้านบาท ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ได้ส่งเงินมาให้แล้ว 10,000 ล้านบาท ดังนั้น ที่เหลือเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา ส่วนกรณีที่กรมสรรพสามิต เสนอขอให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ จัดสรรงบกลาง 10,000 ล้านบาท เพื่อคืนเงินภาษีในโครงการรถคันแรก ขณะนี้ได้เสนอเรื่องดังกล่าวไปยังนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว ซึ่งต้องรอว่าจะนำเรื่องไปเข้าหารือในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อไหร่
นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ 3 กรมจัดเก็บภาษีทำแผนการจัดเก็บรายได้หลังจากนี้ว่าจะทำอย่างไรให้การจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งจะมีการหารืออีกครั้งหลังสงกรานต์
ด้าน น.ส.ปาริฉัตร เหล่าธีระศิริวงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารมีการสำรวจการผิดนัดชำระหนี้ลูกค้าที่เริ่มจะเป็นเอ็นพีแอล พบว่ามีถึง 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในกลุ่มภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย และลูกค้าบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง โดยธนาคารออกมาตรการช่วยเหลือในเรื่องการขยายระเวลาการจ่ายดอกเบี้ย และยกเว้นเงินต้นออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งหากปัญหาการเมืองคลี่คลาย และเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีปรับตัวดีขึ้นได้
