กระแสถอนเงิน “ออมสิน” บทเรียนของแบงก์รัฐ ที่ยังพยายามรักษาอำนาจในระบอบทักษิณ เอาไว้ “โลกออนไลน์” ถึงขั้นสอนวิธีปิดบัญชีให้ได้ดอกเบี้ยคืน พร้อมขุดประวัติ “วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผอ.ออมสิน”คนลงนามปล่อยกู้ฉาว! กล่าวหานั่งตำแหน่งไม่เหมาะสม เหตุเคยถูกสั่งจำคุกผิดระเบียบพนักงานในองค์กรหรือของรัฐ
หลังจาก นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผอ.ออมสิน ยอมว่ารัฐบาลได้ปล่อยกู้ Interbank ให้กับ ธ.ก.ส. วงเงิน 5 พันล้านบาทไปแล้ว เพื่อจ่ายหนี้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว แม้ทางออมสิน จะยืนยันว่าไม่ได้ใช้เงินฝากของลูกค้าที่ไปใช้ในการจ่ายเงินกู้ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าว ASTV ผู้จัดการ ตรวจสอบพบว่า กระแสการถอนเงินเป็นลูกโซ่ ของประชาชนต่อธนาคารออมสิน ตามโซเชียลมีเดีย ขณะนี้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายจากธนาคารออมสิน สาขาต่าง ๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ ตัวอย่างเมื่อ วันที่ 16 ก.พ. 57 ที่พบว่า มีการแชร์และส่งต่อภาพเอกสารแสดงรายการรับฝาก-ถอนเงินของธนาคารออมสิน สาขาพาราไดซ์ พาร์ค (ศรีนครินทร์) ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมากันเป็นจำนวนมาก โดโดยพบว่า มีการถอนผิดปกติ 80 ราย รวม 58 ล้านบาท
โดยในเอกสารดังกล่าวมีการระบุยอดจำนวนลูกค้าที่มาถอนเงินที่ผิดปกติที่ธนาคารสาขา เป็นจำนวนถึง 80 ราย วงเงิน 57,691,238.96 บาท จากจำนวนรายการถอนเงินทั้งหมด 279 ราย วงเงิน 62,506,499.20 บาท โดยระบุสาเหตุการถอนที่ผิดปกติไว้จำนวน 2 สาเหตุ คือ
1. ธนาคารเอาเงินไปปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.
2. ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์
ถอนแล้ว ยังฉีกสมุดฝากโชว์
ผู้สื่อข่าว ASTV ผู้จัดการ ได้รับรายงานว่า การขอถอนเงินสดออกจากธนาคารออมสิน โดยเฉพาะสาขาใหญ่ สะพานควาย บางรายมียอดวงเงินถอนสูง 7 แสนบาท จน ผอ.ออมสิน ต้องเชิญเข้ามาปรึกษาในห้องทำงานส่วนตัว ขณะที่หลายคน ยังต้องการขอปิดบัญชี ไปเลย จนเงินสดขอบางสาขาหมดต้องออกมาในรูปของการเขียนแคชเชียร์เช็คให้แทน ขณะที่ภาพในโซเชียลต่าง ๆ พบว่าบางสาขา เมื่อถอนแล้วก็มีการฉีกสมุดฝากหน้าธนาคารด้วย
มีการแชร์ข้อความว่า เงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เฉพาะธนบัตร 1 พันบาท จะมีน้ำหนักประมาณ 1กิโลกรัม หากถอนเงินร้อยล้านบาท ก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 กิโลกรัม ขณะที่หลายคน อ้างว่า เป็นแสดงพลังของมวลมหาประชาชนให้ได้รู้กัน ทั้งเอาจริงและเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้บทเรียนสำคัญกับผู้บริหารแบงก์นี้ ได้รู้ว่า “อย่าเอาอำนาจทางการเมืองมาใช้ในทางที่ผิด”
ถึงขั้นสอนวิธีปิดบัญชีให้ได้ดอกเบี้ยคืน
ผู้สื่อข่าว ASTV ผู้จัดการ ยังพบว่า โซเชียลมีเดีย ในเฟซบุ๊กบางเพจ ถึงกลับมีการแชร์ “วิธีปิดบัญชี” โดยระบุว่า วิธีปิดบัญชีที่ถูกต้อง ได้ดอกเบี้ยคืน !! อย่าเพียงแค่ถอนเงินจนหมดบัญชี แต่ว่าเราจะต้องเขียนในใบถอนเงินว่า ปิดบัญชี โดยไม่ต้องกรอกตัวเลข แล้วเราจะได้ดอกเบี้ยที่ธนาคารต้องจ่ายเราด้วย ไม่งั้นเราจะได้แค่เงินที่ฝากอยู่ ไม่มีดอกเบี้ย การปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลามาก ตรวจสอบหลายขั้นตอน คนจะสะสมแน่นมาก ถ้าช้ามาก ก็บ่นด่าเจ้าหน้าที่ไปเรื่อย ๆ ขอให้ผู้จัดการใหญ่มาชี้แจง นะครับ เมื่อคุณไปขอปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ธนาคารจะขอว่า อย่าปิดเลย เก็บไว้ 2-3 พันเถอะ ถ้าคุณไม่ต้องการใช้บัญชีนั้น ต้องยืนยัน ปิด มิฉะนั้น เราจะลืม บัญชีที่ไม่เคลื่อนไหวนาน ๆ จะถูกหักค่ารักษาบัญชีเดือนละร้อย จนเงินหมด หลังจากนั้น
แฉประวัติ “วรวิทย์” คนปล่อยกู้ฉาว
ขณะที่ตัวบุคคล อย่าง นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผอ.ออมสิน ก็มีการแชร์ภาพและประวัติ ในลักษณะต่อว่าเหมือนกับกลายเป็นว่า นายวรวิทย์ ทำให้ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ ต่อสถาบันการเงินที่มีอายุกว่า 100 ปี อย่าง “ธนาคารออมสิน” ที่มีรัฐเป็นประกัน ต้องพังทลาย เพียงข้ามคืน เพราะ การปล่อยกู้ Interbank ให้กับ ธ.ก.ส.
โซเชียลมีเดีย บางแห่งขุดประวัติ คามใกล้ชิดของนายวรวิทย์ ที่ถูกกล่าวอ้างว่า มีความใกล้ชิดกับระบอบทักษิณ รมทั้งคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่รุนแรงที่สุดเห็นจะเป็นในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง กก.ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เคยถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี เมื่อ 8 มิ.ย. 2551 คดีทำผิดระเบียบพนักงานในองค์กรหรือของรัฐ
ส่วนการเข้าสู่ตำแหน่ง ผอ.ออมสิน เมื่อ ปี 2555 ก็ถูกตรวจสอบ พบว่า เข้ามาผิดระเบียบของธ.ออมสิน ที่ห้ามคนต้องคดีรับตำแหน่งภายใน 5 ปี ซึ่งพนักงานออมสินก็เคยรวมตัวต้าน แต่ไม่สำเร็จ โดยนายวรวิทย์ เข้ามารับตำแหน่ง ผอ.ออมสิน บนค่างจ้างเงินเดือน 6.5 แสนต่อเดือน
ขณะที่ นายวรวิทย์ ยังถูกกล่าวหาว่า เมื่อเข้ามายังแก้ระเบียบ ก็เปิดช่องให้กระทรวงคลังกู้อันลิมิตไม่จำกัดวงเงิน เพื่อรองรับสร้างหนี้ให้ประชาชน จำนวน 5.16 ล้านล้านบาท ในแผนเงินกู้ 2.2 ล้านล้านพร้อมดอกเบี้ย โดยอ้างว่ามีการวางแผนไว้ตั้งแต่ปี 2555
โลกออนไลน์เช่นกัน มีการกล่าวหาว่า นายวรวิทย์ มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับคนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพ่อตาที่ชื่อ ณอคุณ สิทธิพงษ์ อดีปลัดกระทรวงพลังงานโดยระบุว่า เป็นคนเชียงใหม่ที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ โดยตลอดปี 2555-2556 นายณอคุณ นั่งประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตลอดการดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดปี 60 (สมัยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)
บทเรียนแบงก์รัฐ ในระบอบทักษิณ
บางแห่งอ้างว่า การที่รัฐบาล หน้ามืด ปล้นได้แม้กระทั่งเงินเด็ก เป็นเส้นฟางที่ทำให้ประชาชนเหลือทนกับพฤติกรรม ขอ ผอ.ธนาคารออมสิน ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นขี้ข้าระบอบทุนสามานย์ จึงได้พากันแห่ถอนเงินเพื่อให้บทเรียนกับความคิดในข้องอในกระดูกของบรรดาแบ๊งค์รัฐ ในระบอบทักษิณทั้งหลาย
ขณะที่ “แอดมินเพจ V For Thailand”โพตส์ไว้วว่า “ยามใดความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อธนาคารรัฐฯ หมดสิ้นลง ยามนั้นประชาชนย่อมเปลี่ยนสถานที่ฝากเงินในทันที เมื่อก่อนเรารู้สึกว่า การฝากเงินกับธนาคารรัฐฯ ให้ความปลอดภัยสูงสุด แต่ในยามนี้ ธนาคารรัฐฯ กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการคอร์รัปชั่นอันเกิดจากเงื้อมมือของสิ่งเทียมรัฐบาลการรักษาเงินในบัญชีของคุณเอง ย่อมดีกว่าการปล่อยให้ขบวนการคอร์รัปชั่นแอบล้วงเงินจากบัญชีคุณ” นี้คือแค่ตัวอย่าง เพื่อเป็น บทเรียน ของแบ๊งค์รัฐ ที่ยังพยายามรักษาอำนาจในระบอบทักษิณ เอาไว้
หลังจาก นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผอ.ออมสิน ยอมว่ารัฐบาลได้ปล่อยกู้ Interbank ให้กับ ธ.ก.ส. วงเงิน 5 พันล้านบาทไปแล้ว เพื่อจ่ายหนี้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าว แม้ทางออมสิน จะยืนยันว่าไม่ได้ใช้เงินฝากของลูกค้าที่ไปใช้ในการจ่ายเงินกู้ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าว ASTV ผู้จัดการ ตรวจสอบพบว่า กระแสการถอนเงินเป็นลูกโซ่ ของประชาชนต่อธนาคารออมสิน ตามโซเชียลมีเดีย ขณะนี้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายจากธนาคารออมสิน สาขาต่าง ๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ ตัวอย่างเมื่อ วันที่ 16 ก.พ. 57 ที่พบว่า มีการแชร์และส่งต่อภาพเอกสารแสดงรายการรับฝาก-ถอนเงินของธนาคารออมสิน สาขาพาราไดซ์ พาร์ค (ศรีนครินทร์) ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมากันเป็นจำนวนมาก โดโดยพบว่า มีการถอนผิดปกติ 80 ราย รวม 58 ล้านบาท
โดยในเอกสารดังกล่าวมีการระบุยอดจำนวนลูกค้าที่มาถอนเงินที่ผิดปกติที่ธนาคารสาขา เป็นจำนวนถึง 80 ราย วงเงิน 57,691,238.96 บาท จากจำนวนรายการถอนเงินทั้งหมด 279 ราย วงเงิน 62,506,499.20 บาท โดยระบุสาเหตุการถอนที่ผิดปกติไว้จำนวน 2 สาเหตุ คือ
1. ธนาคารเอาเงินไปปล่อยกู้ให้ ธ.ก.ส.
2. ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์
ถอนแล้ว ยังฉีกสมุดฝากโชว์
ผู้สื่อข่าว ASTV ผู้จัดการ ได้รับรายงานว่า การขอถอนเงินสดออกจากธนาคารออมสิน โดยเฉพาะสาขาใหญ่ สะพานควาย บางรายมียอดวงเงินถอนสูง 7 แสนบาท จน ผอ.ออมสิน ต้องเชิญเข้ามาปรึกษาในห้องทำงานส่วนตัว ขณะที่หลายคน ยังต้องการขอปิดบัญชี ไปเลย จนเงินสดขอบางสาขาหมดต้องออกมาในรูปของการเขียนแคชเชียร์เช็คให้แทน ขณะที่ภาพในโซเชียลต่าง ๆ พบว่าบางสาขา เมื่อถอนแล้วก็มีการฉีกสมุดฝากหน้าธนาคารด้วย
มีการแชร์ข้อความว่า เงินสด จำนวน 1 ล้านบาท เฉพาะธนบัตร 1 พันบาท จะมีน้ำหนักประมาณ 1กิโลกรัม หากถอนเงินร้อยล้านบาท ก็จะอยู่ที่ประมาณ 100 กิโลกรัม ขณะที่หลายคน อ้างว่า เป็นแสดงพลังของมวลมหาประชาชนให้ได้รู้กัน ทั้งเอาจริงและเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้บทเรียนสำคัญกับผู้บริหารแบงก์นี้ ได้รู้ว่า “อย่าเอาอำนาจทางการเมืองมาใช้ในทางที่ผิด”
ถึงขั้นสอนวิธีปิดบัญชีให้ได้ดอกเบี้ยคืน
ผู้สื่อข่าว ASTV ผู้จัดการ ยังพบว่า โซเชียลมีเดีย ในเฟซบุ๊กบางเพจ ถึงกลับมีการแชร์ “วิธีปิดบัญชี” โดยระบุว่า วิธีปิดบัญชีที่ถูกต้อง ได้ดอกเบี้ยคืน !! อย่าเพียงแค่ถอนเงินจนหมดบัญชี แต่ว่าเราจะต้องเขียนในใบถอนเงินว่า ปิดบัญชี โดยไม่ต้องกรอกตัวเลข แล้วเราจะได้ดอกเบี้ยที่ธนาคารต้องจ่ายเราด้วย ไม่งั้นเราจะได้แค่เงินที่ฝากอยู่ ไม่มีดอกเบี้ย การปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลามาก ตรวจสอบหลายขั้นตอน คนจะสะสมแน่นมาก ถ้าช้ามาก ก็บ่นด่าเจ้าหน้าที่ไปเรื่อย ๆ ขอให้ผู้จัดการใหญ่มาชี้แจง นะครับ เมื่อคุณไปขอปิดบัญชี เจ้าหน้าที่ธนาคารจะขอว่า อย่าปิดเลย เก็บไว้ 2-3 พันเถอะ ถ้าคุณไม่ต้องการใช้บัญชีนั้น ต้องยืนยัน ปิด มิฉะนั้น เราจะลืม บัญชีที่ไม่เคลื่อนไหวนาน ๆ จะถูกหักค่ารักษาบัญชีเดือนละร้อย จนเงินหมด หลังจากนั้น
แฉประวัติ “วรวิทย์” คนปล่อยกู้ฉาว
ขณะที่ตัวบุคคล อย่าง นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผอ.ออมสิน ก็มีการแชร์ภาพและประวัติ ในลักษณะต่อว่าเหมือนกับกลายเป็นว่า นายวรวิทย์ ทำให้ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจ ต่อสถาบันการเงินที่มีอายุกว่า 100 ปี อย่าง “ธนาคารออมสิน” ที่มีรัฐเป็นประกัน ต้องพังทลาย เพียงข้ามคืน เพราะ การปล่อยกู้ Interbank ให้กับ ธ.ก.ส.
โซเชียลมีเดีย บางแห่งขุดประวัติ คามใกล้ชิดของนายวรวิทย์ ที่ถูกกล่าวอ้างว่า มีความใกล้ชิดกับระบอบทักษิณ รมทั้งคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่รุนแรงที่สุดเห็นจะเป็นในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง กก.ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เคยถูกศาลสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี เมื่อ 8 มิ.ย. 2551 คดีทำผิดระเบียบพนักงานในองค์กรหรือของรัฐ
ส่วนการเข้าสู่ตำแหน่ง ผอ.ออมสิน เมื่อ ปี 2555 ก็ถูกตรวจสอบ พบว่า เข้ามาผิดระเบียบของธ.ออมสิน ที่ห้ามคนต้องคดีรับตำแหน่งภายใน 5 ปี ซึ่งพนักงานออมสินก็เคยรวมตัวต้าน แต่ไม่สำเร็จ โดยนายวรวิทย์ เข้ามารับตำแหน่ง ผอ.ออมสิน บนค่างจ้างเงินเดือน 6.5 แสนต่อเดือน
ขณะที่ นายวรวิทย์ ยังถูกกล่าวหาว่า เมื่อเข้ามายังแก้ระเบียบ ก็เปิดช่องให้กระทรวงคลังกู้อันลิมิตไม่จำกัดวงเงิน เพื่อรองรับสร้างหนี้ให้ประชาชน จำนวน 5.16 ล้านล้านบาท ในแผนเงินกู้ 2.2 ล้านล้านพร้อมดอกเบี้ย โดยอ้างว่ามีการวางแผนไว้ตั้งแต่ปี 2555
โลกออนไลน์เช่นกัน มีการกล่าวหาว่า นายวรวิทย์ มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับคนพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพ่อตาที่ชื่อ ณอคุณ สิทธิพงษ์ อดีปลัดกระทรวงพลังงานโดยระบุว่า เป็นคนเชียงใหม่ที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ โดยตลอดปี 2555-2556 นายณอคุณ นั่งประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตลอดการดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีชุดปี 60 (สมัยนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)
บทเรียนแบงก์รัฐ ในระบอบทักษิณ
บางแห่งอ้างว่า การที่รัฐบาล หน้ามืด ปล้นได้แม้กระทั่งเงินเด็ก เป็นเส้นฟางที่ทำให้ประชาชนเหลือทนกับพฤติกรรม ขอ ผอ.ธนาคารออมสิน ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นขี้ข้าระบอบทุนสามานย์ จึงได้พากันแห่ถอนเงินเพื่อให้บทเรียนกับความคิดในข้องอในกระดูกของบรรดาแบ๊งค์รัฐ ในระบอบทักษิณทั้งหลาย
ขณะที่ “แอดมินเพจ V For Thailand”โพตส์ไว้วว่า “ยามใดความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อธนาคารรัฐฯ หมดสิ้นลง ยามนั้นประชาชนย่อมเปลี่ยนสถานที่ฝากเงินในทันที เมื่อก่อนเรารู้สึกว่า การฝากเงินกับธนาคารรัฐฯ ให้ความปลอดภัยสูงสุด แต่ในยามนี้ ธนาคารรัฐฯ กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีการคอร์รัปชั่นอันเกิดจากเงื้อมมือของสิ่งเทียมรัฐบาลการรักษาเงินในบัญชีของคุณเอง ย่อมดีกว่าการปล่อยให้ขบวนการคอร์รัปชั่นแอบล้วงเงินจากบัญชีคุณ” นี้คือแค่ตัวอย่าง เพื่อเป็น บทเรียน ของแบ๊งค์รัฐ ที่ยังพยายามรักษาอำนาจในระบอบทักษิณ เอาไว้