xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์วิจับกสิกรไทยคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน  ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ กนง.รอบวันที่ 23 เมษายน 2557 น่าจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% เพื่อช่วยประคับประคองการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง และรอติดตามทิศทางของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าให้ชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่าแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยไทยในอนาคต คงจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งปัจจัยทางด้านเสถียรภาพ เช่น สถานการณ์หนี้ภาคครัวเรือน เงินเฟ้อ และกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย เป็นต้น

เนื่องจากการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของ กนง. นับจากนี้ต่อไปจะขึ้นอยู่กับแนวโน้มปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยเป็นสำคัญ โดยปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป คงจะเป็นทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ตลอดจนประเด็นเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงกดดันเงินเฟ้อจากหลายปัจจัย (เช่น การปรับโครงสร้างราคาพลังงานในประเทศ และราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่าย) และผลกระทบของการปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ของเฟดที่มีต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน และเสถียรภาพของค่าเงินในตลาดการเงินโลก ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้พิจารณาสถานการณ์ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินในกรณีต่างๆ รวมทั้งแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่อาจจะเกิดขึ้น ดังต่อไปนี้

การที่พัฒนาการทางเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ามีทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกจากแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักของไทย ประกอบกับปัจจัยการเมืองไม่ได้ยกระดับความตึงเครียดจนนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ กอปรกับแรงกดดันจากข้อจำกัดด้านการคลังเริ่มมีสัญญาณคลี่คลายลง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะปรับตัวเร่งขึ้นจากการบริโภคในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น แต่หากยังอยู่ในระดับที่ทางการไทยสามารถที่จะบริหารจัดการได้ คาดว่าจะส่งผลให้ กนง. มีความยืดหยุ่นในการที่จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ อย่างไรก็ดี หากปัจจัยด้านเสถียรภาพเป็นไปในทิศทางที่แย่ลง เช่น สถานการณ์หนี้ภาคครัวเรือนเริ่มมีสัญญาณเสี่ยงมากขึ้น เงินเฟ้อปรับตัวเร่งขึ้น  หรือสภาพคล่องของตลาดการเงินไทยมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น จากกระแสการไหลออกของเงินทุน ก็มีโอกาสเช่นกันที่ กนง.ให้น้ำหนักกับปัจจัยดังกล่าวมากขึ้น พร้อมหาแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพื่อจำกัดผลกระทบ

ทั้งนี้ พัฒนาการทางเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงทำให้ความเสี่ยงต่อการถูกทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือปรับเพิ่มขึ้น และหากผลของการปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ของเฟดไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่า กนง.จะยังคงมีช่องว่างในการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อ น่าจะอยู่ในระดับที่จำกัดท่ามกลางการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวลง  แต่หากการปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ของเฟดส่งผลต่อกระแสการไหลออกของเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญ หรือมีเหตุการณ์ที่ส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวเร่งขึ้นก็อาจส่งผลให้ กนง. เผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงิน รวมทั้งอาจจะมีช่องว่างในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมที่มีข้อจำกัดมากขึ้น

สำหรับการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินในรอบนี้ แม้ว่าเงื่อนไขทางเศรษฐกิจจะแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา แต่จากภาพของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่ชัดเจนประกอบกับระดับของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่น่าจะอยู่ในระดับผ่อนคลายเพียงพอที่จะรองรับต่อความเสี่ยงที่เข้ามากระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผลจากปัจจัยการเมืองได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้คาดว่า กนง.สามารถที่จะรอติดตามพัฒนาการของตัวแปรต่างๆ ได้อีกระยะหนึ่งเช่นกัน ทั้งนี้ หากพิจารณาด้านต้นทุนการเงินในตลาดพันธบัตรของไทย พบว่า เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงนับจากที่ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2556) โดยมีการปรับลดลงแล้วประมาณ 13-27 Bps นับจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา
แนะทยอยขายทำกำไร ช่วงดัชนีเหนือ 1,380 จุด
แนะทยอยขายทำกำไร ช่วงดัชนีเหนือ 1,380 จุด
สวัสดีครับ ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (8-11 เม.ย. 57) ผมคาดว่าดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลดลงและผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์จากแรงเทขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน หลังจากที่ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากในสัปดาห์ก่อนจากการทำ Window Dressing ของบริษัทต่างๆ เพื่อปิดงบไตรมาส/เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง และการปรับตัวขึ้นตามดัชนีภูมิภาคจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่ายังมีแนวโน้มดำเนินนโยบาย QE ต่อเนื่องในช่วงนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาให้ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น