xs
xsm
sm
md
lg

แนะทยอยขายทำกำไร ช่วงดัชนีเหนือ 1,380 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สวัสดีครับ ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (8-11 เม.ย. 57) ผมคาดว่าดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลดลงและผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์จากแรงเทขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุนต่างๆ โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน หลังจากที่ดัชนี SET Index ได้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากในสัปดาห์ก่อนจากการทำ Window Dressing ของบริษัทต่างๆ เพื่อปิดงบไตรมาส/เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง และการปรับตัวขึ้นตามดัชนีภูมิภาคจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่ายังมีแนวโน้มดำเนินนโยบาย QE ต่อเนื่องในช่วงนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาให้ขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพต่อไป

โดยตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า คาดว่ายังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ปัจจัยด้านต่างประเทศในเรื่องความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียเริ่มลดความกังวลลงชั่วคราว หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศหันมาใช้วิธีเจรจาทางการทูตกันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะหากกลับมารุนแรงอีกครั้งก็อาจจะสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นไทยได้


ขณะที่ด้านตลาดตราสารหนี้ สัปดาห์หน้าคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลน่าจะมีโอกาสปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากการที่นักลงทุนย้ายเงินเข้าสู่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยมากขึ้นเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้น และเงินทุนต่างชาติที่เริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยอีกครั้งหลังจากที่ขายสุทธิไปมากในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เริ่มปรับลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากสัญญาณของนางเจเน็ต เยลเลนข้างต้น แต่อย่างไรก็ดี การปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอาจไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากถูกลดทอนด้วยปริมาณพันธบัตรรัฐบาลไทย (Supply bond) ที่ทางการไทยจะมีการประมูลให้แก่นักลงทุนในสัปดาห์หน้า ดังนั้นจึงมองว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลในสัปดาห์หน้าอาจปรับตัวขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับลดลง ซึ่งนักลงทุนอาจมีการขายพันธบัตรรัฐบาลบางส่วน

ดังนั้น ในสัปดาห์นี้ผมแนะนำว่านักลงทุนระยะสั้นยังคงน้ำหนักการลงทุนได้เช่นเดียวกับที่แนะนำในสัปดาห์ก่อน (maintain) โดยมีน้ำหนักการลงทุนในหุ้น 50-60% โดยนักลงทุนที่ได้กำไรจากการลงทุนแล้วแนะนำให้ทยอยขายเพื่อทำกำไรหากดัชนีฯ ปรับตัวแตะระดับสูงกว่า 1,380 จุด และรอซื้อทยอยสะสมเมื่อดัชนีฯ เคลื่อนไหวประมาณ 1,320 จุด โดยยังคงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) และขนาดกลาง (Mid Cap) โดยเน้นหุ้นที่มีแนวโน้มการจ่ายปันผลสูงเนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลจ่ายปันผล ด้านสัดส่วนการลงทุนนั้น ผมแนะนำให้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 10% และลงทุนต่างประเทศ 30% โดยแบ่งเป็นสหรัฐอเมริกา 15% และญี่ปุ่น 15% โดยระดับดัชนีที่น่าสนใจลงทุนคือ ดัชนี S&P500 ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 1,820 จุด และ NIKKEI225 ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 15,000 จุด รวมทั้งนักลงทุนยังทยอยเข้าซื้อทองคำได้ในเวลานี้ เนื่องจากมองว่าความเสี่ยงด้านความขัดแย้งระหว่างประเทศของยูเครนกับรัสเซียยังเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

ขณะที่นักลงทุนระยะยาว ผมแนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยลงทุนที่สัดส่วน 50-60% ของพอร์ตการลงทุน ซึ่งแบ่งเป็นตลาดหุ้นญี่ปุ่น 25% สหรัฐอเมริกา 15% จีน 5% โดยนักลงทุนยังอาจชะลอลงทุนในหุ้นต่างประเทศบ้าง เนื่องจากดัชนีฯ ต่างๆ ได้ปรับตัวค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นแนะนำว่ายังทยอยสะสมได้ในเวลานี้ การลงทุนในหุ้นไทยแนะนำให้ลงทุนสัดส่วนประมาณ 20-30% อสังหาริมทรัพย์ 10% รวมทั้งตราสารหนี้ไทย 20% ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ

ที่มา : Dr.win@one-asset.com


กำลังโหลดความคิดเห็น