xs
xsm
sm
md
lg

เผยตลาดฯ เริ่มซบเซา แรงขายลดลงเพราะสะท้อนปัจจัยการเมืองไปมากแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โบรกฯ เผยตลาดหุ้นพลิกรีบาวนด์ปิดบวก 4 จุด เนื่องจากแรงเทขายเริ่มลดลง ตลาดได้ตอบรับปัจจัยการเมืองไปมากแล้วแม้จะมีการชุมนุมใหญ่ แต่เชื่อว่าเหตุการณ์คงไม่เลวร้ายไปกว่าเดิมมากนัก ขณะที่ภาพรวมตลาดยังซบเซา วอลุ่มเทรดแค่ 2 หมื่นล้าน โดยมีแรงหนุนแค่การทำ Window Dressing ทยอยเข้ามาบ้าง

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 มี.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,354.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.11 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.30% มูลค่าการซื้อขาย 23,731.26 ล้านบาท โดยภาพรวมตลาดวันนี้ดัชนีแกว่งผันผวนในกรอบแคบ โดยปรับตัวลดลงในภาคเช้า และปรับขึ้นแดนบวกได้ในภาคบ่าย

ด้านสัดส่วนการลงทุนแยกตามประเภทมีดังนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 523 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 995 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 823 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 351 ล้านบาท

นายทวีรัชต์ มัททวีวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แม้ภาพรวมตลาดในวันนี้ดัชนีจะอ่อนตัวในช่วงเช้า แต่ก็สามารถพลิกกลับมาเคลื่อนไหว และปิดตลาดฯ เป็นบวกได้ เนื่องจากแรงขายเริ่มลดลง ประกอบกับตลาดได้ตอบรับปัจจัยการเมืองในประเทศไปมากแล้ว แม้จะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค. ของกลุ่ม กปปส. แต่เชื่อว่าเหตุการณ์คงไม่เลวร้ายไปกว่าเดิมมากนัก

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ คาดดัชนีฯ จะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวรับที่ 1,350 จุดเป็นสำคัญ และหากหลุดระดับดังกล่าวไปที่ 1,330 จุด ตลาดหุ้นไทยจะเป็นขาลงชัดเจน แต่กลับกัน หากดัชนีฯ ปรับเพิ่มไปที่แนวต้าน 1,380 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมมองว่าจะเป็นช่วงขาขึ้น

“เลิกกังวลการเมือง อย่าสนใจมาก อย่าไปดูดัชนีฯ ให้เอาเวลาไปศึกษาหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานดี การเติบโตดี ปันผลดี ถ้าอ่อนตัวก็เข้าซื้อ”

ด้านกลยุทธ์ แนะเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัวในหุ้นที่มีปันผลดี และหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเมืองน้อย โดยประเมินแนวรับ 1,330-1,350 จุด แนวต้าน 1,370-1,380 จุด

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวนด์ขึ้นได้แต่ไม่มาก หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก เนื่องจากตลาดฯยังมีปัจจัยที่คลุมเครืออยู่มาก ทั้งปัจจัยการเมืองที่ยังไม่ได้มีการปลดล็อก และเศรษฐกิจที่แย่ลง

อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงซื้อเข้ามาบ้าง ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นการทยอยซื้อมากกว่า จึงทำให้ตลาดพยายามที่จะปรับตัวขึ้นไป แต่นักลงทุนก็ยังไม่กล้าที่จะลงทุนมากนัก สังเกตได้จากวอลุ่มเทรดยังน้อยอยู่ นอกจากนี้ ตลาดยังน่าจะได้แรงหนุนจากการทำ Window Dressing ได้บ้าง

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวไปในทางลบ เนื่องจากกังวลความขัดแย้งในยูเครน อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของจีน และสหรัฐฯ ก็ออกมาไม่ดีด้วย

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) นายธนเดช กล่าวว่า ตลาดฯ คงเป็นลักษณะของการแกว่ง Sideway โดยมีกรอบการแกว่งอยู่ที่ 1,340-1,360 จุด

ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส มองว่า ตลาดหุ้นยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะยังไม่มีข่าวดี หรือปัจจัยบวกอะไรเข้ามากระตุ้นตลาด ขณะที่ประเด็นทางการเมืองก็ยังคงกดดันภาวะการลงทนอยู่ ขณะที่ค่าพี/อีของตลาดซึ่งอยู่ที่ ใกล้ระดับ 15 เท่า ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่แพง ดังนั้น นักลงทุนก็ยังคงต้องระมัดระวังในการลงทุน

“ตอนนี้ยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ๆ เข้ามาเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายเบาบางมากเพียง 2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น และหากนักลงทุนจะเข้าลงทุนก็จะต้องเลือกหุ้นที่มีธุรกิจในต่างประเทศ 100% เพราะจะปลอดภัยจากประเด็นปัญหาทางการเมือง”

อย่างไรก็ตาม ประเมินช่วงแนวรับของดัชนีที่ 1,350 จุด และแนวต้านที่ 1,360 จุด และให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเพียง 40% เท่านั้น

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

JAS ปิดที่ 8.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,527.06 ล้านบาท

PTT ปิดที่ 295.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,593.37 ล้านบาท

ADVANC ปิดที่ 225.00 บาท ลดลง -1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,092.47 ล้านบาท

KTB ปิดที่ 18.20 บาท ลดลง -0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,049.91 ล้านบาท

BBL ปิดที่ 175.00 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 970.53 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น