“ชิค รีพับบลิคฯ” เดินหน้าลงทุนโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ ทุ่มงบ 800 ล้านบาท ผุดสาขาพัทยาใต้-บางนา-ตราด กม. 4 ไม่หวั่นการเมืองร้อนแรงกระทบกำลังซื้อ เชื่อลูกค้าที่ซื้อบ้านใหม่มีแผนตกแต่งบ้านอยู่แล้ว การชะลอซื้อแค่ยืดออกไปไม่ใช่ไม่ยกเลิก ชี้การเมืองจบลูกค้ากลับมาซื้อทันที แจงปี 56 รายได้ 500 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้โตไม่ต่ำ 30% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2557 นี้ มีแผนจะเปิดตัวโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์แบบสแตนด์ อะโลนเพิ่ม 2 สาขา ประกอบด้วย สาขาพัทยาใต้ และสาขาบางนา-ตราด กม.4 ซึ่งจะใช้งบลงทุนก่อสร้างและตกแต่งรวม 800 ล้านบาท โดยงบลงทุนดังกล่าวจะมาจาก 2 ส่วน คือ กระแสเงินสดของบริษัท และเงินกู้จากสถาบันการเงิน สำหรับที่ดินที่ใช้ในรองรับการก่อสร้างสาขาใหม่ทั้ง 2 สาขานั้นจะเป็นที่ดินเช่าระยะยาว 30 ปี
ทั้งนี้ สาขาแรกที่เปิดให้บริการในปีนี้คือ สาขาพัทยาใต้ ตั้งอยู่ใกล้กับบิ๊กซีพัทยาใต้ โดยสาขานี้มีพื้นที่รองรับการพัฒนา 8 ไร่ พัฒนาเป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์แบบสแตนด์ อะโลน มีพื้นที่ขาย 10,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ใช้งบประมาณก่อสร้างและตกแต่ง 400 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ทดสอบการเปิดให้บริการมาแล้ว 1 เดือน ล่าสุด ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา
“ในช่วง 1 เดือนที่มีการทดสอบให้บริการนั้น ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับจากลูกค้าในพื้นที่เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อห้องชุดพักอาศัย และเรสซิเด้นในพัทยา ซึ่งจากการจัดเก็บข้อมูล และติดตามความพึงพอใจลูกค้าต่างชาติ พบว่าลูกค้าต่างชาติสนใจและพอใจกับสินค้าของบริษัทอย่างมาก เพราะเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานสูงในระดับเดียวกับยุโรป”
โดยลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในโชว์รูมที่เป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ซื้อห้องชุดพักอาศัยในพัทยา ส่วนกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นกลุ่มคนที่ซื้อบ้าน และห้องชุดในสัดส่วนเท่าๆ กัน นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าโครงการเข้ามาติดต่ออย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีลูกค้าโครงการคอนโดฯ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา 4-5 ราย บางรายอยู่ระหว่างการออกแบบร่วมกันแล้ว ขณะเดียวกัน ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมขนาด 60-80 ยูนิต และอพาร์ตเมนต์อีกหลายรายที่เข้าติดต่อให้บริษัทช่วยตกแต่งห้องให้ และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนเพิ่มากขึ้น เนื่องจากลูกค้าต่างชาติชอบในสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์ ชิคฯ
นายกิจจา กล่าวว่า สำหรับสาขาที่ 2 ที่จะมีการเปิดให้บริการในปีนี้คือ สาขาบางนา-ตราด กม.4 ซึ่งบริษัทได้เช่าที่ดินขนาด 6 ไร่ 200 ตารางวา เพื่อพัฒนาสาขาใหม่ ซึ่งมีรูแบบสแตนด์ อะโลน เช่นเดียวกับสาขาพัทยาใต้ และจะพัฒนาเป็นโชว์รูมขนาดพื้นที่ 10,000 ตร.ม. โดยใช้งบลงทุน 400 ล้านบาท ในการก่อสร้าง และตกแต่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ธ.ค.ปีนี้
“สาขาบางนานี้ แม้ว่าชิคฯ จะมีสาขาย่อยที่เปิดให้บริการอยู่ในเมก้าบางนาแล้ว แต่ความต้องการของลูกค้ายังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการตกแต่งบ้านใหม่ ซึ่งต้องการเลือกสินค้าที่หลากหลาย ทำให้บริษัทตัดสินใจเปิดสาขาใหม่ในโซนบางนาเพิ่ม แม้ว่าจะมีสาขาที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว ในสาขาย่อยที่เมก้าบางนา จะเจาะลูกค้าที่ต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อตกแต่งเพิ่ม แต่สาขาบางนา กม.4 จะเจาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านใหม่ และต้องการตกแต่งบ้านแบบครบทั้งหลัง”
ปัจจุบัน ชิคฯ มีสาขาให้บริการลูกค้าแล้ว 4 สาขา ประกอบด้วย สาขาเลียบทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย สาขาหัวหิน สาขาเมก้า บางนา และสาขาพัทยาใต้ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 500 ล้านบาทเศษ ส่วนในปี 2557 นี้ ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เติบโตจากปีก่อนหน้าไม่ต่ำกว่า 30% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท เนื่องจากการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทำให้ยอดขายในสาขาเดิมเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สาขาใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้จะเป็นตัวหลักในการช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทให้เติบโตได้ตามเป้า ทั้งนี้ ในสาขาเปิดให้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 300 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าในแต่ละสาขาคืนทุนได้ใน 3-5 ปี
สำหรับผลกระทบการเมืองต่อตลาดเฟอร์นิเจอร์ในประเทศนั้น ในช่วงปี 2556 ที่ผ่านมา ตลาดรวมแทบไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมืองที่เกิดขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ด้านการเมืองเริ่มต้นขึ้นในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 4 ทำให้ลูกค้าที่ซื้อบ้านไปแล้วยังเดินหน้าตกแต่งบ้านตามแผนเดิม ขณะที่ผลกระทบในช่วง 1 เดือนแรกของปีนี้เริ่มชัดเจนขึ้น โดยลูกค้ามีการชะลอตัดสินใจซื้อออกไปกว่า 15-20% ซึ่งในส่วนของชิคฯ นั้น ช่วง 3 เดือนแรกที่เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองลูกค้ายังคงตัดสินใจซื้อปกติ แต่ในช่วงเดือนที่ 3 หรือเดือน ม.ค.นี้เริ่มเห็นชัดว่าลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อลง อย่างไรก็ตาม การเปิดสาขาให้บริการเพิ่มนั้นเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากบริษัทมองในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ประกอบกับลูกค้าที่ซื้อบ้านใหม่ก็มีแผนในการตกแต่งบ้านอยู่แล้ว การชะลอการซื้อออกไปจึงเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆ เมื่อการเมืองจบลงคาดว่าลูกค้าจะกลับมาซื้อในทันที
