หลังจากแอปเปิลตั้งใจปรับหน้าตาระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของตนแบบใหม่หมดใน iOS 7 ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยแนวคิดแบบมินิมัลลิสต์ เน้นความเรียบง่าย ไอคอนและหน้ากากแบบแบนๆ (flat design) พร้อมสีสันที่ฉูดฉาดแทนไอคอนและกราฟิกแบบเสมือนจริง (Skeuomorphism) หลายเสียงมีทั้งชื่นชมและก่นด่าด้วยรูปแบบหน้าตาที่หลุดจากของเดิมจนไปใกล้เคียงกับคู่แข่งมากเกินไป แต่จนแล้วจนรอดสุดท้ายไม่ว่าผู้ใช้จะต้องการหรือไม่ต้องการเปลี่ยนมาเป็น iOS 7 แอปเปิลก็จะมัดมือชกให้ผู้ใช้ต้องอัปเกรดเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ด้วย เหตุผลคือแอปพลิเคชันรุ่นใหม่จะทำงานไม่สมบูรณ์ถ้าใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าอยู่
แอปเปิลหวังไว้สูงว่าตั้งแต่เปิดตัว iOS 7 จะมีผู้ใช้หันมาให้ความสนใจมากกว่า 80% ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดตัว เพราะนี่คือการเปลี่ยนโฉมครั้งสำคัญ แต่เมื่อถึงเวลาจริงสถานการณ์กลับไม่เป็นดังใจหวัง ด้วยยอดดาวน์โหลดในช่วงสัปดาห์แรกเพียง 18% เท่านั้น กว่าตัวเลขจะขยับมาที่ 70-80% ได้อย่างในปัจจุบันต้องใช้เวลานานพอสมควร
ซ้ำร้ายด้วยการเป็นครั้งแรกของการปรับเปลี่ยนหน้าตาและโค้ดของระบบปฏิบัติการใหม่หมด ทำให้เกิดความไม่พร้อมและข้อผิดพลาดจำนวนมากในรุ่นดาวน์โหลดจริงจนเป็นเหตุ ให้ผู้ใช้หลายคนยังลังเลกับการอัปเกรดเป็น iOS 7 ซึ่งเมื่อแอปเปิลรับรู้ปัญหาทั้งหมดก็พร้อมจะแก้ไข แต่ด้วยความสดใหม่ของ iOS 7 ทำให้การแก้ไขปัญหาต้องใช้เวลานานกว่าที่หลายคนคาดหวังไว้
***แผลใหม่ แอปเปิลทำตัวเอง***
เข้าใจดีว่าไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบที่สุดในโลก และทุกครั้งที่ iOS ใหม่ปล่อยให้ดาวน์โหลดเป็นครั้งแรกมักมีปัญหาจุกจิกตามมาเสมอ เพียงแต่ปกติแอปเปิลไม่เคยปล่อยให้ปัญหาเหล่านั้นค้างคายาวนานนัก หรือไม่ถ้าซอฟต์แวร์ของตนยังไม่พร้อมจริงๆ แอปเปิลมักเลือกทางออกด้วยการเลื่อนปล่อยดาวน์โหลดออกไปอีก1เดือนเพื่อให้ซอฟต์แวร์สมบูรณ์แบบที่สุดตามแนวทางเดิมของ สตีฟ จ็อบส์ แต่สำหรับ iOS 7 แอปเปิลค่อนข้างรีบร้อนเพราะต้องการให้ทันกับการเปิดตัวสมาร์ทโฟน ไอโฟน 5s เพื่อเข้าตีตลาดสมาร์ทโฟนที่ระยะหลังเริ่มถูกคู่แข่งแย่งส่วนแบ่งตลาด ไฮเอนด์โฟนไปมากพอสมควร
ความเร่งรีบทำให้เกิดบาดแผลใหม่กับแอปเปิล ในขณะที่บาดแผลเก่าสมัย iOS 6 ตั้งแต่ Apple Maps ยังแก้ไขไม่เรียบร้อย หลายปัญหาที่พบเจอใน iOS 7 บั่นทอนความน่าใช้ลงไปมาก ผิดจากหน้าตาที่หลายคนมองว่าน่าค้นหาถึงแม้จะทิ้งความเป็นมิตรกับผู้ใช้ไปไกลก็ตามโดยเฉพาะประเทศของเราที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลักจะพบเจอกับปัญหาใหญ่ เกี่ยวกับการถอดรหัสฟอนต์ภาษาไทยที่ทำให้เครื่องทำงานช้าลงและหน่วง เช่น การเล่นเว็บไซต์ภาษาไทยผ่าน Safari หรือพิมพ์ข้อความภาษาไทยจะค้างบ่อยมาก ตัวอักษรก็ไม่มีหัว ถึงแม้จะเป็นไอโฟนรุ่นใหม่ก็ตาม
ยังไม่นับปัญหาจุกจิกอีกมากมายที่เกิดขึ้นตลอดเวลาจนสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของแอปเปิลที่เริ่มทิ้งตัวตนจากคนที่เป็นตัวของตัวเอง เฉียบ เนียบและความเสถียรของซอฟต์แวร์ที่เป็นจุดขายของแอปเปิลมาตลอดได้หายไป เหลือแต่ความรีบร้อนจะเข้าต่อสู้กับคู่แข่งจนลืมตัวของตัวเองไปจนหมด
ไม่ทราบเหมือนกันว่าการเป็นอยู่แบบใหม่นี้ของแอปเปิลเป็นผลมาจากผู้บริหารด้วย หรือไม่ เพราะตั้งแต่ทิม คุกเข้ามาบริหารแอปเปิล สินค้าทุกชิ้นเปลี่ยนแนวทางเป็นอุปกรณ์แฟชั่นมากกว่าเทคโนโลยีที่ผลิตด้วยแนวคิดศิลปะอย่างที่เคยเป็นจุดขายของแอปเปิลมาแต่ก่อน
***ตอนนี้ทำได้แค่เยียวยา ต้องรอ iOS 7.1***
ปัญหาที่เกิดกับ iOS 7 เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ค่อนข้างชัดเจน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาในปัจจุบันไม่สามารถพึ่งพาการอัปเดตเล็กๆ (iOS 7.0.1-7.0.5) ได้ เพราะแอปเปิลตั้งใจจะรวบรวมปัญหาทั้งหมดและแก้ไขครั้งเดียวใน iOS 7.1ที่คาดว่าจะปล่อยให้ดาวน์โหลดในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ก็เท่ากับว่าช่วงนี้ กลุ่มคนที่ใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ของแอปเปิลที่ติดตั้ง iOS 7 ต้องเผชิญกับปัญหาที่ยังไม่มีหนทางแก้ไขให้หายขาดนอกจากจะพึ่งพาออปชันภายใน เช่น Reduce Motion เพื่อลดเอฟเฟ็กต์ภายในทำให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น ลดอาการช้าและหน่วง หรือการปิด Background App Refesh ใน Settingsเพื่อทำให้แบตเตอรีใช้งานได้นานขึ้นแต่จะทำให้การใช้งานบางแอป ทำได้ไม่สมบูรณ์จนกว่า iOS 7.1 จะเดินทางมาถึง และคาดว่าในอนาคตแอปเปิลอาจเก็บกวาดข้อผิดพลาดที่ยังแก้ไขไม่สำเร็จให้หมดไปด้วย
แต่ด้วยเงื่อนไขใหม่ๆในการต้องพยายามเป็นผู้นำเทคโนโลยีในขณะที่ผู้บริหารต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์บางส่วนของแอปเปิลใหม่เพื่อให้ตัวแบรนด์มีจุดขายมากขึ้นก็ถือเป็นงาน หนักที่มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดซ้ำๆถ้าการบริหารงานไม่สามารถจัดการได้ดีพอ
***นี่คือจุดเริ่มต้นของบาดแผลเจ็บลึก***
ด้วยปัญหาที่มีมากมายจาก iOS 7 กระทบไปถึงรูปแบบการใช้งานที่เปลี่ยนไปจนขาดความเป็นแอปเปิลที่ต้องใช้งาน ง่ายและมีหน้าตาที่คนทุกวัยสามารถจับต้อง เข้าใจได้ทันทีที่เห็น จุดเด่นที่เคยมีมาเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยดีไซน์งานออกแบบสไตล์ใหม่ที่ดูเป็นเด็กแนวเข้าใจยากและแทบจะถอดหน้าตาคู่แข่งอย่างกูเกิลและไมโครซอฟท์มาใช้อย่างใดอย่างนั้น
แถมความเข้ากันของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ยังขาดๆ เกินๆ จากการต้องเขียนโค้ดขึ้นใหม่ก็มีมากจนกลายเป็นแผลเจ็บลึกให้แอปเปิลเก็บไว้ เป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่กว่าจะขัดเกลาให้เรียบร้อยได้อาจต้องใช้เวลาอีกนาน
ในขณะที่คู่แข่งอย่างกูเกิลเดินเกมปรับเปลี่ยนโฉมระบบปฏิบัติการ ของตนใหม่และสามารถทำได้ดีจนแผลเก่าเริ่มประสานเป็นเนื้อเดียว ติดที่ช่องว่างเรื่องการส่งอัปเกรดให้แต่ละผู้ผลิตที่ทำได้ค่อนข้างช้า ซึ่งแอปเปิลแทบไม่มีปัญหาส่วนนั้นเลยเพราะผลิตฮาร์ดแวร์และขายเอง แต่กลับไปสร้างบาดแผลใหม่ให้ตนเองต้องเจ็บแทนที่จะจัดการบาดแผลเก่าๆที่เคยสร้างไว้ให้หมดก่อนแต่แอปเปิลก็ไม่ทำเพราะหวังจะทำแต่ผลกำไรด้วยโปรดักส์ และซอฟต์แวร์หน้าตาแปลกใหม่อย่างเดียวจนเหมือนลืมข้อสำคัญไปอย่างหนึ่งว่า 'เลือดจะหมดตัวอยู่แล้ว' และระวังความตายจะมาเยือนนะแอปเปิล
*** iOS 7 พ่นพิษพาร์ตเนอร์ระทม?? ***
ค่ายมือถือในไทยตบเท้าอุ้ม iOS7 ไร้ปัญหารุนแรง สวนทางความเห็นผู้บริโภคที่ให้คะแนนติดลบอย่างหนักจนแอปเปิลต้องเร่งออกเวอร์ชันแก้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหญ่โวยได้รับผลกระทบในการออกแบบแอปพลิเคชันเพื่อให้สามารถใช้งานบน iOS7 ได้อย่างเสถียรเช่นกัน
ภูมิใจ กฤติยานนท์ ผู้อำนวยการส่วนงานสมาร์ทดีไวซ์ เอไอเอส โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของไทย กล่าวว่า ปัญหาของ iOS 7 มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยพิจารณาจากสถิติของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหลังการขายนั้นมีปริมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณลูกค้าที่ใช้เครื่อง iPhone รุ่นอัปเกรดเป็น iOS 7 ขณะที่ยอดการใช้งานดาต้ากลับเพิ่มสูงขึ้นจากการอัปเดตแอปพลิเคชันเพื่อให้รองรับระบบ iOS 7 ใหม่ทั้งหมด ในภาพรวมการอัปเกรด iOS 7 ที่มากับเครื่องรุ่นใหม่นั้น ลูกค้าส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการใช้งานฟังก์ชันใหม่ๆ บน iOS 7 ได้เป็นอย่างดี โดยรวมไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเอไอเอสแต่อย่างใด ทั้งนี้ เอไอเอสได้มีการประสานงานร่วมกับทางทีมงานของแอปเปิลอย่างใกล้ชิดทั้งในส่วนทีมงานทางด้านเทคนิคและการตลาดในการนำข้อมูลปัญหาที่ได้รับจากลูกค้าไปทำการวิเคราะห์และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าอย่างทันท่วงที
พีระพล ฉัตรอนันทเวช ผู้อำนวยการฝ่ายอุปกรณ์สื่อสาร ดีแทค กล่าวว่า การเปลี่ยน iOS 7 ครั้งนี้มีผลกระทบเพียงช่วงแรกเท่านั้น เนื่องจากนักพัฒนาที่ต้องปรับแอปตาม API ใหม่ของ iOS 7 เพื่อการทำงานที่สมบูรณ์ จนส่งผลต่อแอปหลักใน Appstore ในช่วง 2-3 เดือนแรก ขณะที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์มีจำนวนสายโทร.สอบถามวิธีการอัปเกรดระบบในปริมาณที่เพิ่มขึ้น แต่ยอดขายเครื่องลูกข่ายยังไม่ได้รับผลกระทบและยอดการใช้ดาต้าก็ยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าการอัปเกรดเวอร์ชัน 5 ครั้งที่ผ่านมาหลังจากออก iOS7 ช่วยให้ระบบมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น โดยเวอร์ชันล่าสุดเป็น 7.0.5 และเร็วๆ นี้กำลังจะออกเวอร์ชัน 7.1 คาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์
ความเห็นดังกล่าวของโอเปอเรเตอร์สวนทางกับผู้บริโภคที่ให้คะแนนติดลบสำหรับระบบ iOS 7 ขณะที่ผู้ใช้บางรายยอมกลับไปใช้ระบบ iOS 6 เดิม แม้ว่าโปรแกรมบางอย่างจะไม่รองรับแล้วก็ตาม แต่ความลื่นไหลของการใช้งานทั้งระบบ iOS 6 ยังถือว่ายอมรับได้มากกว่า
สอดคล้องกับผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหญ่ที่เปิดเผยว่าการออกแบบอินเตอร์เฟซใหม่ของ iOS 7 สร้างปัญหาให้การออกแบบแอปพลิเคชันที่ต้องใช้อักษรไทย เนื่องจากอักษรไทยที่ไม่มีหัวทำให้เมื่ออยู่บนมือถือแล้วอ่านยากและไม่สวยงามอย่างอักษรไทยมีหัว ปัญหาดังกล่าวจึงต้องแก้ไขด้วยการเขียนอักษรไทยมีหัวครอบทับอักษรไร้หัวอีกที ทำให้เพิ่มการทำงานของเครื่องมากขึ้น ปัญหาที่เครื่องช้าอยู่แล้วจึงเป็นการเพิ่มภาระให้เครื่องมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ยังไม่สามารถแก้ไขได้
Company Related Link :
Apple